NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
6
19
Region
stringclasses
7 values
Province
stringclasses
79 values
Department
stringclasses
169 values
Link_News
stringlengths
62
62
__index_level_0__
int64
0
248k
CDD KAN News : ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี จับมือผู้ประกอบการ OTOP ลุยจำหน่ายสินค้างาน OTOP Midyear 2023
วันที่ 25 กันยายน 2566 เวลา 15.00 น. ที่เวทีกลางอาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน OTOP Midyear 2023 ภายใต้แนวคิด “ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย” มีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะทูตานุทูต คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาคี ผู้ประกอบการ OTOP และประชาชนจํานวนมากเข้าร่วมงาน โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงาน จังหวัดกาญจนบุรี โดยร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางรัชนี โพธิสัตยา พัฒนาการจังหวัดกาญจนบุรี และนักวิชาการพัฒนาชุมชนสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาญจนบุรี ได้เข้าร่วมเปิดงาน OTOP Midyear 2023 ภายใต้แนวคิด “ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย” พร้อมนําผลิตผู้ประกอบการ OTOP จากจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมจําหน่ายสินค้าในงานฯ จํานวน 16 บูท ได้แก่ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมะขามทอง, กลุ่มแปรูปอาหารแคปหมูไร้มันรัตนา บ้านห้วยสะพาน, ผู้ประกอบการเนียนนา (อาหาร), กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหนองเต็งก้าวหน้า, ผู้ประกอบการกาญจนวิจิตร (ผ้าและเครื่องแต่งกาย), กลุ่มเจียรไนนิล(BLACK ORNICA), กลุ่ม DHANU (ผ้าและเครื่องแต่งกาย), ผู้ประกอบการนางจันทร์เพ็ญ อําพันพร (ของใช้ฯ), ผู้ประกอบการนายประนอม อยู่หลาบ (ของใช้ฯ), ผู้ประกอบการกวางตุงโอสถ (สมุนไพร), ส้มตําปูม้าเบญจวรรณ (ชวนชิม), ครัวเมืองกาญจน์ (ชวนชิม) พร้อมเดินเยี่ยมให้กําลังใจผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมจําหน่ายภายในงานฯ โดยมียอดจําหน่ายรวม 3 วัน เป็นเงิน 2,094,110 บาท นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดการจัดงานอีกมากมาย อาทิ คาราวาน OTOP ช้อปสนุก สุขทุกวัน เพียงทุกท่านช้อปสินค้า ภายในงาน เราก็พร้อมแจกของรางวัลให้ติดไม้ติดมือได้กลับบ้าน รวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตจากนักร้องศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ แช่ม แช่มรัมย์, ไรอัล ไมค์หมดหนี้, ตรี ชัยณรงค์, เต๋า ภูศิลป์, หญิง ธิติกานต์ และป็อป ปองกูล รวมถึงการจับสลากรางวัลชิงโชคไม่น้อยกว่า 20 รางวัล และในวันสุดท้ายของการจัดงานร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่ทองคํา มูลค่ากว่า 200,000 บาท และสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานผ่านระบบออนไลน์ ลุ้นรับของที่ระลึกภายในงานตลอดการจัดงานทั้ง 9 วัน “ขอเชิญชวนทุก ๆ ท่านร่วมสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ภายในงาน OTOP Midyear 2023 “ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนในการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้พี่น้องผู้ผลิต ผู้ประกอบการ มา ช้อป ชิม ลิ้มรสกันอย่างเพลิดเพลิน อัดแน่นจัดเต็มจากสารพัดผลิตภัณฑ์าจากฝีมือคนไทยที่ได้ผ่านการรังสรรค์จากภูมิปัญญาของคนไทยจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งพร้อมใจกันยกขบวนผลิตภัณฑ์ จากทุกจังหวัดทั่วประเทศกว่า 1,200 ร้านค้า มารอให้ทุกท่านได้เลือกซื้อกันตั้งแต่ วันที่ 23 กันยายน – 1 ตุลาคม 2566 รวม 9 วัน ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 - 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี” ข่าว/ภาพ : กลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน
25/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230925225450432
247,475
“วีซ่าฟรี”คึกคัก พ่อเมืองภูเก็ต ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน บินตรง 3 ลำ อย่างอบอุ่น ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
พ่อเมืองภูเก็ต ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน บินตรง 3 ลําอย่างอบอุ่น ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยสร้างบรรยากาศแห่งความประทับใจถึงนักท่องเที่ยวทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทยด้วยการแสดงหุ่นกระบอกจากสยามนิรมิต ภูเก็ต พร้อมมอบพวงมาลัยต้อนรับและของที่ระลึก กางเกงช้าง และตุ๊กตาช้าง เพื่อสะท้อนมิตรไมตรีและสร้างความเชื่อมั่นแบรนด์ Amazing Thailand ตอกย้ําให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจของนักท่องเที่ยววันที่ 25 กันยายน 2566 นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ,พลเรือตรีณัฐพงค์ ญาโณทัยขจิตต์ รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดภูเก็ต Mrs. Shen Ping กงสุลและเลขานุการเอกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําภูเก็ต ว่าที่ พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผู้กํากับการด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต นายมนต์ชัย ตะโหนด ผู้อํานวยการท่าอากาศยานภูเก็ต นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อํานวยการสํานักงาน ททท.สํานักงานภูเก็ต นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นางวิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเขต 11 (ภูเก็ต พังงา กระบี่) Ms. Hou Mingjie ผู้จัดการสายการบิน Air China และ Ms. Yu Jiali ผู้จัดการสายการบิน Spring Airlines ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต โดยได้สร้างบรรยากาศแห่งความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวทันทีที่เดินทางถึงจังหวัดภูเก็ ต ประเทศไทยด้วยการแสดงหุ่นกระบอกจากสยามนิรมิต ภูเก็ต พร้อมมอบพวงมาลัยต้อนรับและของที่ระลึก กางเกงช้าง และตุ๊กตาช้าง เพื่อสะท้อนมิตรไมตรีและสร้างความเชื่อมั่นแบรนด์ Amazing Thailand ตอกย้ําให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจของนักท่องเที่ยวทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐคาซัคสถานและสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งเป็น 1 ใน 4 พื้นที่จัดงานฯ ทั่วประเทศ หลังจากรัฐบาลไทยประกาศนโยบายเร่งด่วน เพื่ออํานวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Travelling) ด้วยมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) เพื่อการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจนักท่องเที่ยว พร้อมผลักดันจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเป้าหมาย 25 - 30 ล้านคน ภายในปี 2566สําหรับการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันนี้จํานวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน CA 717 สายการบิน Air China ความจุผู้โดยสาร 158 ที่นั่ง เดินทางจากหางโจว ถึงท่าอากาศยานภูเก็ต ในเวลา 15.00 น. เที่ยวบิน 9C8667 สายการบิน Spring Airlines ความจุผู้โดยสาร 180 ที่นั่ง เดินทางจากเซี่ยงไฮ้ถึงท่าอากาศยานภูเก็ต ในเวลา 16.15 น. และเที่ยวบิน CA 821 สายการบิน Air China ความจุผู้โดยสาร 237 ที่นั่ง เดินทางจากปักกิ่งถึงท่าอากาศยานภูเก็ต ในเวลา 17.45 น.สําหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 – 17 กันยายน 2566 มีจํานวนสะสม ทั้งสิ้น 2,341,080 คน โดยนักท่องเที่ยวมีวันพักเฉลี่ย 7.8 วัน และค่าใช้จ่ายต่อทริปประมาณ 50,766 บาท ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน อันดับ 2 รองจาก กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จะช่วยกระตุ้นภาพรวมตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมายรายได้ 257,500 ล้านบาท ในปี 2566ทั้งนี้ ททท. ยังได้ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวในท่าอากาศยานอีก 3 แห่ง ดังนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จํานวน 1 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน XJ 761 สายการบิน Thai AirAsia X จากเซี่ยงไฮ้ ท่าอากาศยานดอนเมือง จํานวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน FD583 สายการบิน Thai Air Asia จากคุนหมิง เที่ยวบิน SL935 สายการบิน Thai Lion Air จากฉางซา และเที่ยวบิน DD3111 สายการบิน Nok Air จากหนานหนิง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จํานวน 2 เที่ยวบิน สายการบิน China Eastern Airlines ได้แก่ เที่ยวบิน MU 205 จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน MU 2563 จากคุนหมิง โดยแต่ละพื้นที่ได้จัดพิธีต้อนรับ การแสดงศิลปวัฒนธรรม พร้อมมอบพวงมาลัยและของที่ระลึก เพื่อต้อนรับสร้างความประทับใจและแสดงถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางที่สําคัญของการท่องเที่ยว
25/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926051401438
247,476
จังหวัดเลย จัดงานแถลงข่าว เทศกาลดนตรีรักลมหนาว คอนเสิร์ต “เชียงคานเฟสติวัล #1” และมนต์ฮักเชียงคาน กระตุ้นการท่องเที่ยว Soft Power Festival คาดสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 27 ล้านบาท
วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ประธานเปิดงานแถลงข่าว การจัดกิจกรรม เทศกาลดนตรีรักลมหนาว คอนเสิร์ต “เชียงคานเฟสติวัล #1 และ “มนต์ฮักเชียงคาน” เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวอําเภอเชียงคาน และจังหวัดเลย พร้อมด้วย นางวราภรณ์ เสริมภักดีกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย/แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเลย นายณรงค์ จีนอ่ํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายจริยาทร สูหู่ ผู้อํานวยการสํานักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานเลย นายธเนศ หาญถนอม ประธานหอการค้าจังหวัดเลย นายเจริญลักษณ์ เพ็ชรประดับ ผู้บริหารบ้านติดดินเชียงคาน หัวหน้าส่วนราชการ ศิลปินนักร้อง และสื่อมวลชน ผู้เข้าร่วมงาน ณ บ้านติดดิน อําเภอเชียงคาน จังหวัดเลยนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดงานแถลงข่าว กล่าวว่า จังหวัดเลย เป็น "เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู ถิ่นที่อยู่อริยสงฆ์ ได้มีแผนการดําเนินการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และควบคู่ไปกับการพัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับนักท่องเที่ยว การบริการทางการท่องเที่ยวให้เติบโตและแข่งขันได้ เพื่อยกระดับคุณภาพสู่มาตรฐานสากล เทศกาลดนตรีรับลมหนาว ทั้ง 2 กิจกรรม เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับชาวอําเภอเชียงคาน ชาวจังหวัดเลย และพื้นที่ใกล้เคียง ให้มีบรรยากาศที่คึกคักเพิ่มมากขึ้น ตอกย้ําที่เมืองเชียงคานติด 1 ใน 100 เมืองท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก Top 100 destination ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่า รวมถึงการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองเชียงคาน จังหวัดเลย ได้มีรายได้เกิดขึ้นอย่างมาก ตลอดจนเป็นการตอบรับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลนายจริยาทร สู่หู่ ผอ.ททท.เลย สํานักงานเลย กล่าวว่า ในนามของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สํานักงานเลย ที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานแถลงข่าว “เชียงคานเฟสติวัล #1” ซึ่งงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 23 ธันวาคม 2566 และ “มนต์ฮักเชียงคาน” ซึ่งกําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 10 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งทั้ง 2 งาน 2 กลุ่มเป้าหมายของนักท่องเที่ยวคุณภาพดังกล่าว จะมีส่วนช่วยสนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงดนตรี ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้สู่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นของจังหวัดเลย ในภาพรวมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการจัดกิจกรรมดนตรีทั้ง 2 งานในครั้งนี้ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่โดยใช้จุดแข็งของอําเภอเชียงคาน นั่นคือ แม่น้ําโขง ซึ่งเป็นจุดแข็งมาเป็นจุดขาย สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนงานมหกรรมดนตรีที่ใดในประเทศไทย เพียงแค่รายชื่อศิลปินทั้ง 2 งาน ก็ทําให้ทุกท่านที่จะมาร่วมงานอิ่มเอม หัวใจฟูกันแล้ว ยิ่งถ้าศิลปินเหล่านั้นได้มาเช็คอิน ณ สถานที่ท่องเที่ยวในอําเภอเชียงคาน จังหวัดเลย พร้อมยิ่งตอกย้ําในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ติดตามในวงกว้าง เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพพร้อมในการบริหารจัดการพื้นที่ มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่ง ททท.สํานักงานเลย คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยว มาร่วมงานกิจกรรมละไม่น้อยกว่า 8,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 27 ล้านบาท นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมงานแล้ว สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการขับรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว จังหวัดเลยเรายังมีเส้นทางสวยๆ ให้เลือกขับรถท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสายโรแมนติกรูท ถนนสาย 211 ถนนที่เลาะเลียบริมแม่น้ําโขงจากเมืองเชียงคาน-ปากชม ไปจนถึงจังหวัดหนองคาย หรือจะเป็นเส้นทางเลาะเลียบชายแดนไทย-ลาว จากริมโขงสู่ริมเหือง เส้นทางสาย 2195 จาก เมืองเชียงคาน ผ่านสกายวอล์คเชียงคาน ผ่าน อ.ท่าลี่ อ.ด่านซ้าย เพื่อไปชมภูเก้าง้อม ที่ อ. นาแห้ว อีกด้วยนายธเนศ หาญถนอม ประธานหอการค้าจังหวัดเลย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่มองเห็น คือ อําเภอเชียงคาน มีศักยภาพในการจัดคอนเสิร์ตช่วยกันผลักดันในเรื่องของตลาดการท่องเที่ยว ซึ่งบรรยากาศโดดเด่นอําเภอเชียงคาน คือ ริมแม่น้ําโขง เป็นศิลปะการคอนเสิร์ตคลาสสิคได้รับความนิยม ในเรื่องของการจัดงานในช่วงของธันวาคมของจังหวัดเลย ทําให้สามารถดึงคนยังเข้ามาเที่ยวเยอะ และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วง low season ก็สามารถทําให้เดือนกุมภาพันธ์มีสีสันมีสดใสเพื่อเข้าสู่การฤดูร้อน เชื่อว่าเม็ดเงินมหาศาลที่ได้เข้ามาในจังหวัดเลย รวมถึงธุรกิจในต่างอําเภอของจังหวัดเลย มีเข้ารายได้เข้าเกือบหลายล้านใน hi season จะเพิ่มอีกเท่าตัว พร้อมด้วยทั้งสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์เป็นหนึ่งในการท่องเที่ยวของภาคอีสานของประเทศไทยนายเจริญลักษณ์ เพ็ชรประดับ ผู้บริหารบ้านติดดิน เชียงคาน กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็น Soft Power ด้าน Festival คือ การจัดคอนเสิร์ตเทศกาลดนดรี ตอบนโยบายประเด็นยุทธศาสตร์ 5 ปีเป็นการแนวทางในการพัฒนาของจังหวัดเลย ในเรื่องของการเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวและตอบสนองนโยบายของรัฐบาลได้ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดเลย ในเรื่องของ soft power การจัดงานในครั้งนี้ ได้ทีมงานสร้างสรรค์จัดคอนเสิร์ตอย่างมืออาชีพ อีกทั้งในเรื่องของการความปลอดภัยได้รับการดูแลจากท่านตํารวจ ไม่มีการทะเลาะวิวาท มีความเป็นมืออาชีพทําให้เทศกาลดนตรีสนุก ทั้ง 2 งาน พร้อมสามารถสร้างรายได้ดึงคนเข้ามาได้จังหวัดเลย ซึ่งมีศิลปินมากมายมาสร้างความสุข อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดี ของงานเชียงคานเฟสติวัลเทศกาลดนตรี ครั้งนี้ได้เริ่มต้นจาก นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และ ททท.จังหวัดเลย ประธานหอจังหวัดเลย ได้เริ่มต้นเทศกาลดนตรี ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของจังหวัดเลย อีกทั้ง บรรยากาศการแถลงข่าว ได้รับชมการแสดงจากชุมชนไทดํา ชมมินิคอนเสิร์ต จากศิลปินรับเชิญจาก โอ้ เสกสรร & ชัด ชัยชัตน์ กระต่าย พรรนิภา และอิ๊ต โปงลางสะออน
25/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.เลย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230925230621436
247,477
เปิดงาน อลังการ OTOP Midyear 2023 พช.อำนาจเจริญ
เปิดงาน อลังการ OTOP Midyear 2023 พช.อํานาจเจริญ ร่วมพิธีฯ พร้อมให้กําลังใจผู้ประกอบการวันที่ 25 กันยายน 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน OTOP Midyear 2023 ภายใต้แนวคิด "ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย" โดยมี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยคณะทูตานุทูต คณะรัฐมนตรี คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด บุคลากรในสังกัดกรมการพัฒนาชุมชน หน่วยงานภาคี ผู้ประกอบการ OTOP และประชาชนจํานวนมากเข้าร่วมงาน ณ บริเวณเวทีกลาง อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีในส่วนของสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอํานาจเจริญ นายชัยยงค์ ผ่องใส พัฒนาการจังหวัดอํานาจเจริญ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงานฯ ในครั้งนี้ พร้อมทั้งเยี่ยมชมให้กําลังใจผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ของจังหวัดอํานาจเจริญที่เข้าร่วมจําหน่ายสินค้าภายในงานระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566จังหวัดอํานาจเจริญ ได้รับการจัดสรรบูธจําหน่ายสินค้ารวมทั้งสิ้น 12 บูธ ได้แก่ประเภทชวนชิม จํานวน 1 บูธประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย จํานวน 3 บูธประเภทของใช้และของที่ระลึก จํานวน 4 บูธประเภทอาหาร จํานวน 3 บูธประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหารจํานวน 1 บูธสําหรับยอดจําหน่ายของจังหวัดอํานาจเจริญในวันนี้ (วันที่ 3 ของการจัดงานฯ) มียอดจําหน่ายทั้งสิ้น 158,650 บาทCr#กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอํานาจเจริญ
25/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230925230216435
247,478
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์มาตรการวีซ่าฟรีของรัฐบาล สามารถทำให้นักท่องเทียวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 ก.ย-24 ก.ย.66) พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากโอเชียเนียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 13.48 ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากเอเชียใต้ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.55 ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ในไทยมีจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 481,404 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 10,696 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้และลาว ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัปดาห์ถัดไป กลุ่มนักท่องเที่ยวจีน นักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกและอาเซียน จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าประเทศ (VISA Free) ประกอบกับช่วงวันหยุดยาวในตลาดสําคัญ โดยคาดว่าสัปดาห์ถัดไปจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 520,000 คน อย่างไรก็ตาม จํานวนเที่ยวบินและเส้นทางการบินยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ รวมถึงแรงกดดันจากต้นทุนน้ํามันเชื้อเพลิง อาหารและอัตราเงินเฟ้อ ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวทั้งระยะสั้น (Short Haul) และระยะไกล (Long Haul) โดยจํานวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา มีจํานวนทั้งสิ้น 19,499,116 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 815,597 ล้านบาท
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926102427480
247,479
รองผู้ว่าฯโคราช เชิดชูเกียรติสถานศึกษาปลอดภัยและสถานประกอบกิจการดีเด่นของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลสถานศึกษาปลอดภัยและสถานประกอบกิจการดีเด่นของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประจําปี 2566 เพื่อเป็นขวัญกําลังใจ และประกาศเกียรติคุณแก่เครือข่ายแรงงานที่ให้การสนับสนุนกรจัดกิจกรรมตามภารกิจของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และประกาศเกียรติคุณยกย่องเชิดชูเกียรติสถานศึกษาและสถานประกอบกิจการที่ได้รับรางวัลสถานศึกษาปลอดภัยและสถานประกอบกิจการดีเด่น ประจําปี 2566 ของจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย เกียรติบัตรแก่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมด้านภารกิจกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จํานวน 13 แห่ง รางวัลสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจแรงงานพันธุ์ดีตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง จํานวน 1 รางวัล รางวัลสถานศึกษาปลอดภัยดีเด่น จํานวน 86 รางวัลรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์ และสวัสดิการแรงงาน ประจําปี จํานวน 53 รางวัล รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย /อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน จํานวน 21 รางวัลและรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยฯ ระดับวิชาชีพดีเด่น จํานวน 1 รางวัล
26/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926112651503
247,480
เยอรมันรับลูกพิจารณาขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำ
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้ไปหารือกับทางการประเทศเยอรมัน เกี่ยวกับการขายเครื่องยนต์เรือดําน้ําให้กับประเทศจีน เพื่อนํามาติดตั้งให้กับเรือดําน้ําของประเทศไทยว่า จากการหารือกับรัฐมนตรีเยอรมัน ไม่มีการพูดคุยลงลึกในรายละเอียด ซึ่งทางประเทศเยอรมันรับที่จะไปพิจารณาอยู่ว่าจะดําเนินการต่อไปอย่างไร ขณะที่ทางการไทยต้องมาหารือกันอีกครั้ง ส่วนการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในเดือนหน้าของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทย มีแนวโน้มจะมีการนําเรื่องดังกล่าวมาหารือด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทํารายละเอียด เพราะเป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกันมานาน
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926141355563
247,481
จังหวัดตราด เปิดตลาด Fisherman Market @Trat ตามนโยบาย “ตลาดนำการผลิต ยกระดับเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงและเพิ่มช่อง ทางการจำหน่าย สินค้าประมงคุณภาพ”
(26 ก.ย. 66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ประธานกิจกรรมเปิดตลาด Fisherman Market @Trat ตามนโยบาย “ตลาดนําการผลิต ยกระดับเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงและเพิ่มช่อง ทางการจําหน่าย สินค้าประมงคุณภาพ” ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจังหวัดตราดโดยสํานักงานประมงจังหวัดตราด ร่วมกับเทศบาลเมืองตราด จัดขึ้นบริเวณตลาดซอยไร่รั้ง เทศบาลเมืองตราดนางฐิติพร หลาวประเสริฐ ประมงจังหวัดตราด กล่าวว่า กิจกรรมเปิดตลาด Fisherman Market @Trat ตามนโยบาย “ตลาดนําการผลิต ยกระดับเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงและเพิ่มช่องทางการจําหน่าย สินค้าประมงคุณภาพ” ในครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อนนโยบายของกรมประมง ที่ได้กําหนดให้มีการจัดตั้งร้าน Fisherman Market go Trat ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายสินค้าประมงคุณภาพสู่ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการพัฒนาการตลาดให้แก่กลุ่มเกษตรกรชาวประมง องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น และผู้ประกอบการแปรรูปรายย่อย พร้อมส่งเสริมการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียว ที่การันตีความสด สะอาด ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการประชาสัมพันธ์สินค้า ประมง ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้พี่น้องชาวประมง และเกษตรกรอยู่ดีกินดี มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
26/9/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926130704545
247,482
คณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และผู้ประกอบการ SME 1 ปี
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันนี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการพักหนี้เกษตรกรระยะเวลา 3 ปีเรียบร้อยแล้ว โดยในรายละเอียดจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการที่กระทรวงการคลังในช่วงบ่ายวันนี้ ทั้งในส่วนของวงเงินโครงการ จํานวนเกษตรกรและเงื่อนไขในการพักหนี้ต่างๆขณะที่นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การพักหนี้ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นั้น จะเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบพักหนี้เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ในรายละเอียดนั้นจะต้องหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้งหนึ่ง
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926140140556
247,483
ไทยสมายล์ บัส พร้อมชดใช้ค่าเสียหายจากอุบัติเหตุบนถนนพระราม 2
บริษัท ไทยสมายล์ บัส จํากัด (TSB) ชี้แจงกรณีรถประจําทางไฟฟ้า เกิดอุบัติเหตุบริเวณถนนพระราม 2 เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (26 ก.ย.) เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ว่า จากการส่งทีมงานตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้น พบว่ารถที่เกิดเหตุเป็นรสบัสไฟฟ้า สาย S7 เบอร์ 11 ของอู่เคหะธนบุรี ระบบของรถบัสโดยสารไฟฟ้าไม่มีความผิดปกติใดๆ ทั้งเรื่องของระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมการเบรก จึงยืนยันว่าสาเหตุของการชนครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของระบบตัวรถบัสโดยสารไฟฟ้า ซึ่งตามขั้นตอนปกติก่อนเดินรถในทุกวัน ทุกอู่จะทําการตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างสม่ําเสมอ ขณะเดียวกันยังได้ทําการสอบสวนพนักงานขับรถเป็นที่เรียบร้อย พบว่าพนักงานขับรถยอมรับมีการพักผ่อนน้อยและเผลอเหม่อลอยชั่วขณะ เมื่อรถเคลื่อนตัวจึงเกิดอาการตกใจ ไปเหยียบคันเร่งแทนเบรกรถ ทําให้ความเร็วของรถพุ่งตัวไปจนเสียการควบคุมไปจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้นทั้งนี้ยืนยันว่า บริษัท จะดําเนินการลงโทษพนักงานขับรถตามมาตรการขั้นสูงสุด พร้อมกําชับแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926145554592
247,484
ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-สหภาพยุโรป รอบ 2 ต้นปี 2567
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้นําคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการเจรจาจัดทํา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รอบแรก ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายนที่ผ่านมา ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยการเจรจาในภาพรวมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนข้อเสนอร่างความตกลงและการทําความเข้าใจกับข้อเสนอนโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งวางแผนการทํางานในรอบต่อไป ทั้งนี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 มกราคม 2567 ที่กรุงเทพฯ และจะมีการเจรจาอีก 2 รอบ ในปี 2567 หรืออาจเพิ่มเติมระหว่างรอบ เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายใน 2 ปี (ปี 2568) พร้อมทั้งเตรียมเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าผลการเจรจาครั้งแรก ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) ได้ประเมินประโยชน์และผลกระทบเบื้องต้นของการจัดทํา FTA ไทย-อียู คาดว่าจะช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัวร้อยละ 1.28 ต่อปี การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.83 ต่อปี การนําเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.81 ต่อปี รวมทั้งจะช่วยสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ การจ้างงานของไทย และสร้างแต้มต่อทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดอียู ขณะเดียวกันจะช่วยยกระดับมาตรฐานกฎระเบียบในเรื่องที่เกี่ยวข้อง อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิแรงงาน สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ให้เป็นสากลมากขึ้น
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926194808716
247,485
นักท่องเที่ยวจีนชื่นชมนโยบายฟรีวีซ่าไทย คาดว่าจากนี้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากกว่าเดิมถึงเท่าตัว
นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนวานนีั (25 ก.ย. 66) หลังจากที่ประเทศไทยเดินหน้านโยบาย Free Visa ว่า นักท่องเที่ยวจีนต่างชื่นชมนโยบายดังกล่าวที่ทําให้เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังทราบจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจําประเทศไทย ว่ายอดจองโรงแรมจากนักท่องเที่ยวจีน เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า รวมถึงจะดําเนินการแจ้งกระทรวงการท่องเที่ยวของประเทศจีน ให้ปรับเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวสอดรับกับนโยบาย Free Visa ของไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความคาดหวังว่า จํานวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาประเทศไทย ภายหลังดําเนินนโยบาย Free Visa จะมีจํานวนมากกว่าก่อนเดินหน้านโยบายถึง 1 เท่าตัวนอกจากนั้น อธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยถึงการเจรจากับกลุ่มประเทศต่างๆ เช่น EU เรื่องการค้าเสรี (Free trade) โดยได้นําเรื่องการให้ Free Visa แก่คนไทยมาหารือในการเจรจาด้วย ในขณะที่ทางฝั่งประเทศจีน จะเป็นในลักษณะต่างตอบแทน ซึ่งจะต้องรอความชัดเจนต่อไปอธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า หลังจากนโยบาย Free Visa สิ้นสุด ก็จะมีระบบ API/linkage ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเชื่อมโยง 3 หน่วยงานคือ กรมการกงสุล กรมการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งสามารถอํานวยความสะดวกให้กับกรุ๊ปทัวร์จากประเทศจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926194705715
247,486
ททท.นำเสนอจุดเด่นการท่องเที่ยวภาคตะวันออก ผ่านมินิซีรีส์ 6 เรื่อง ส่งเสริมนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่
นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อํานวยการภูมิภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ททท.ให้ความสําคัญของการต่อยอดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด Sustainable Development Goals ประกอบกับกระแส Soft Power (5F) โดยเฉพาะ F-Food และ F-Film ที่กําลังได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ จึงจัดโครงการ “Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)” เพื่อนําเสนอจุดเด่นของการท่องเที่ยวภาคตะวันออก เช่น แหล่งท่องเที่ยว อาหาร สินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยว ผนวกกับแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ตามรอยภาพยนตร์และนําไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป โดยโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จํากัด เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานมินิซีรีส์ทั้ง 6 เรื่อง โดยมี 12 นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังร่วมถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดในภาคตะวันออก ทั้ง 6 จังหวัดสําหรับการถ่ายทอดเรื่องราวในซีรี่ส์ มีการนําเสนอแหล่งท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวยั่งยืน อาทิ การท่องเที่ยวสายมู การถ่ายทอดเนื้อหาวิถีชีวิตและการจ้างงานชุมชนท้องถิ่น การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ํา การรีไซเคิลพลาสติกที่มาจากทะเล การใช้พลังงานทดแทน เป็นต้น
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926192530697
247,487
สถานกาณ์ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อไม่มาก กระทรวงพาณิชย์ตั้งวอร์รูมติดตามอย่างใกล้ชิด
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 จนถึงช่วงฤดูร้อนปี 2567 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออก ที่มีปริมาณน้ําค่อนข้างน้อย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ แต่ขนาดของผลกระทบยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะต้นทุนการผลิต ปริมาณและราคาในตลาดโลก ที่จะผลักดันให้ราคาสินค้าในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มาตรการภาครัฐ จะเป็นปัจจัยทอนสําคัญที่ทําให้ราคาสูงขึ้นไม่มากนัก กระทรวงพาณิชย์ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ออกมาตรการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที โดยกระทรวงพาณิชย์มีการตั้งวอร์รูมเพื่อรับมือกับผลกระทบและมีการประชุมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง หากผลกระทบมีความรุนแรง จะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรและผู้บริโภคในระยะต่อไป ซึ่งต้องมีการพิจารณาถึงผลกระทบของมาตรการต่อทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้บริโภคอย่างรอบด้านนายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าในตระกร้าเงินเฟ้อที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จะเป็นสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เป็นสําคัญ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผักสด ผลไม้สด ข้าว ไข่ ปลาและสัตว์น้ํา ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เป็นแหล่งผลิตสินค้ากลุ่มอาหารที่สําคัญ ได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ ประกอบกับความกังวลต่อการขาดแคลนอาหาร จึงทําให้หลายประเทศมีมาตรการจํากัดการส่งออก ส่งผลให้อุปทานสินค้าอาหารโลกยิ่งตึงตัวมากขึ้น สําหรับประเทศไทยยังไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากเป็นประเทศที่ผลิตสินค้ากลุ่มอาหารอยู่แล้วและปริมาณที่ผลิตได้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ แต่หากภัยแล้งมีความรุนแรงมาก อาจจะกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศและปริมาณการส่งออก โดยเฉพาะภูมิภาคที่มีปริมาณน้ําน้อยวิกฤตและน้ําน้อย ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออก ซึ่งมีสินค้าเกษตรที่ผลิตมากในพื้นที่ ได้แก่ มันสําปะหลัง ข้าวนาปรัง อ้อย ลําไย ทุเรียน ไข่ไก่ และกุ้งทะเลเพาะเลี้ยง ที่อาจต้องติดตามสถานการณ์เป็นพิเศษ ซึ่งภาครัฐอาจออกมาตรการช่วยเหลือด้านอื่นๆ ต่อไป
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926191849686
247,488
ผู้ว่าฯ นราธิวาสร่วมงาน OTOP Midyear 2023 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยเป็นประธานในพิธีเปิดงาน
วันนี้ (26 ก.ย.66) ณ เวทีกลางอาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน OTOP Midyear 2023 ภายใต้แนวคิด “ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย” มีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะทูตานุทูต คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาคี ผู้ประกอบการ OTOP และประชาชนจํานวนมากเข้าร่วมงาน โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวรายงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสําคัญในการขยายผลและสนับสนุนโครงการหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และมีการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP โดยการพัฒนาผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และเพิ่มช่องทางการตลาดให้มากยิ่งขึ้น จะเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะได้แสดงให้ชาวไทย และชาวต่างชาติได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP และคาดหวังว่าการจัดงานครั้งนี้จะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ตลอดจนสมาชิกกลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เป็นการเพิ่มรายได้ และเพิ่มช่องทางในจําหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ของชุมชน รวมถึงเพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าชุมชนที่ดีที่สุด ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่มีคุณค่า เป็นผลิตภัณฑ์ฝีมือคนไทย อีกทั้งตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลได้ให้ความสําคัญในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ของประชาชนด้วยโครงการหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และมีการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP โดยการพัฒนาผู้ผลิตผู้ประกอบการ ยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับ 3-5 ดาว ได้ขยายช่องทางตลาด ยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนไปสู่สากลนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กําหนดนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเพิ่มรายได้และลดความเหลื่อมล้ําของประชาชน โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ผ่านโครงการหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสําคัญตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่สามารถกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ชนบท ได้อย่างแท้จริง กิจกรรมสําคัญภายใต้โครงการดังกล่าวประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP การส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และการส่งเสริมช่องทางการตลาดการจัดงาน "OTOP Midyear 2023" ในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมการตลาดสินค้า OTOP และกระตุ้นเศรษฐกิจกลางปีที่สําคัญงานหนึ่งของประเทศไทยคาดว่าจะสามารถขยายตลาด และสร้างการรับรู้ให้กับงานศิลปหัตถกรรมจากภูมิปัญญาของ คนไทยให้สามารถแพร่หลายและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งชาวไทย และต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมกาพัฒนชุมชนได้มีการนํานวัตกรรมด้านต่างๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา อาทิ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงาม คงทน ง่ายต่อการเก็บรักษาและการขนส่ง, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุยาวนานขึ้น มีความทันสมัยเหมาะแก่การใช้งานมากยิ่งขึ้น เป็นต้น โดยการนํานวัตกรรมเหล่านั้นมาเสริมให้ผลิตภัณฑ์ OTOP น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และสามารถนําไปใช้ในชีวิตประจําวันได้ตรงกับ ความต้องการของคนในยุคปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่อง และที่สําคัญการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจะสามารถเป็นการเพิ่มรายได้ และยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้ดียิ่งขึ้นในการนี้ จังหวัดนราธิวาส โดย นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย นางสาวสุนีย์ มาหะ ผู้อํานวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนราธิวาส ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงาน OTOP Midyear 2023 ในวันนี้ ตลอดจนได้เยี่ยมชมและกล่าวให้กําลังใจผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จังหวัดนราธิวาสที่เข้าร่วมจัดแสดงและจําหน่ายในงาน “OTOP MIDYEAR 2023? ดังกล่าวด้วยทั้งนี้ ยอดจําหน่ายผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จังหวัดนราธิวาส ที่เข้าร่วมจําหน่าย ภายในงาน OTOP Midyear 2023 ประจําวันที่ 25 กันยายน 2566 คือ 213,700 บาท โดยมียอดจําหน่ายสะสมอยู่ที่ 758,100 บาท
26/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926210600741
247,489
ปตท. และบางจาก ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลดลง 50 สตางค์ต่อลิตร
บริษัท ปตท. น้ํามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด แจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 27 กันยายน 2566 เป็นต้นไป ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ํามันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลดลง 50 สตางค์ต่อลิตร เว้นพรีเมี่ยม GSH95 และกลุ่มดีเซลทุกชนิดคงเดิม ส่งผลให้ราคาขายปลีก น้ํามันหน้าสถานีบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล น้ํามันเบนซิน ราคาอยู่ที่ 47.24 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 39.45 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 39.18 บาทต่อลิตร และโซฮอล์ E20 ราคา 37.14 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E85 ราคา 36.79 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ Hi Premium 97 บางจากราคา 49.34 แก๊สโซฮอล์ ซุปเปอร์พาวเวอร์ ปตท. ราคา 44.94 บาทต่อลิตร ส่วนราคาดีเซลไฮพรีเมียม ดีเซล B7 ปตท. ราคา อยู่ที่ 40.24 บาทต่อลิตร และบางจากอยู่ที่ 42.34 บาทต่อลิตร ขณะที่กลุ่มไฮดีเซล B7 ไฮดีเซล S และไฮดีเซล B20 S ราคา 29.94 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบํารุงแต่ละท้องที่
26/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926191553682
247,490
พาณิชย์ตรังจัดกิจกรรม “เชื่อมโยงการจำหน่ายไข่ไก่” เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ผู้บริโภค รอบที่ 2
วันนี้ (26 ก.ย.66) นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า สํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรังจัดกิจกรรม “เชื่อมโยงการจําหน่ายไข่ไก่” เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ผู้บริโภค รอบที่ 2 โดยเจ้าหน้าที่ กลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ลงพื้นที่จัดกิจกรรม “เชื่อมโยงการจําหน่ายไข่ไก่” เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ผู้บริโภค รอบที่ 2 โดยจําหน่ายไข่ไก่ เบอร์ 2 (30 ฟอง/แผง) ราคาพิเศษแผงละ 115 บาท ระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไปหรือจนกว่าสินค้าหมด ณ บริเวณหน้าสํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง และบริเวณหน้าวัดควนขัน อําเภอเมือง จังหวัดตรัง จุดละ 125 แผง/วัน(จํากัดการซื้อ 1 แผง/คน) กิจกรรมดังกล่าวสามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ร้อยละ 17.39ทั้งนี้ ในภาพรวมไข่ไก่ในพื้นที่จังหวัดตรัง มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการบริโภคในจังหวัด และส่งจําหน่ายยังจังหวัดใกล้เคียงด้วย
26/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230926194221713
247,491
ขนมเจาะหูโบราณ กรอบ อร่อย สร้างรายได้บุญเดือนสิบ ปีละ 2 หน
พาไปดูการทําขนมเจาะหู หรือที่เรียกกันว่าขนมเจาะรู, ขนมดีซํา ขนมโบราณพื้นบ้านของภาคใต้ที่นิยมทํากันในงานบุญเดือนสิบ ที่จะมาถึงในบุญหนแรก 30 กันยายน 2566 ของชาวตําบลหน้าถ้ําอย่างครอบครัวของคุณวันลา สุขาเขิน และคุณบุญสิน สุขาเขิน ชาวบ้าน หมู่ที่ 4 ตําบลหน้าถ้ํา อําเภอเมือง จังหวัดยะลา หลังได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยผู้เป็นแม่ได้สอนการทําขนมเจาะหูให้ จนสามารถรับออเดอร์ทําขายเป็นอาชีพ สร้างรายได้เสริม ในช่วงประเพณีวันสารทเดือนสิบมาร่วม 10 ปี สําหรับการทําขนมเจาะหู จะว่ายากก็ยากจะง่ายก็ง่าย สําหรับคนที่สนใจดูวิธีการทํา การนวดแป้ง ซึ่งวัสดุหลักๆ ก็จะมีแป้งข้าวเจ้า น้ําตาลปี๊บ น้ําตาลทรายแดง น้ําสะอาด น้ํามันพืช ส่วนอุปกรณ์ก็จะมีกระทะ กระชอน ไม้เขี่ย กะละมัง และอื่นๆ วิธีการทํานั้นก็จะเริ่มจากการนําน้ําตาลทรายแดง น้ํามันปี๊บมาใส่กะละมัง ใส่น้ํา ใส่แป้ง ตามสัดส่วน ขยํา และนวดให้เข้ากันหลายๆ ครั้ง เพื่อให้แป้งพองตัว พอได้ที่ก็นําแป้งที่ผสมแล้วไปหมักค้างไว้ 1 คืน ก่อนจะนํามาทอดก็จะต้องนํามาดู มานวดอีกครั้ง เพื่อให้ได้ขนาดเหมาะสมไม่เหลวเกิน ไม่แข็งเกิน ให้แป้งเข้ากันพอดีกับการหยิบเป็นลูก พร้อมกับใส่น้ํามันพืชลงไปเพื่อให้ลื่นหยิบไม่ติดมือในขณะจะทอด จากนั้นก็จะตั้งติดไฟ ตั้งกะทะ ใส่น้ํามันพืชลงไป ช่วงนี้ก็สามารถเร่งไฟให้แรงได้ พอเริ่มทอดก็จะปรับไฟลงเหลือระดับปานกลางแล้ว เริ่มหยิบแป้งมาปั้นให้เป็นกลมๆ ทําเป็นรู โดยรองในภาชนะที่เตรียมไว้นําใส่ลงในกระทะทอด ซึ่งคนทอดกับคนปั้นรูปขนมก็จะต้องเป็นคนละคนกันไม่งั้นทําไม่ทัน เนื่องจากขนมเจาะหู เมื่อนําลงไปทอดในกระทะแล้ว ก็จะต้องพลิกกลับไปมาตลอด 2-3 ครั้ง เพื่อให้ขนมสุกเหลืองสวยทั้งชิ้นออกมาดูน่ารับประทาน หลังจากนั้นก็นําขนมขึ้นมาพักในกระชอน เพื่อให้สะเด็ดน้ํามัน และนําลงไปใส่ในกะละมังที่รองกระดาษซับมันรอให้เย็น ก็สามารถบรรจุขนมเจาะหูส่งขายได้เลยคุณวันลา สุขาเขิน บอกว่า ขนมเจาะหู จะทําขายเฉพาะในงานประเพณีบุญเดือนสิบ ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกวันรับตา ยาย และอีก 15 วัน ก็วันส่งตา ยาย เป็นอาชีพในเทศกาลที่สร้างรายได้เสริมให้ครอบครัวได้เป็นอย่างดี สําหรับในปีนี้ได้เริ่มรับออเดอร์ ทํามาตั้งแต่วันจันทร์ ครั้งละ ประมาณ 100 ถุง ซึ่งจะใช้แป้งประมาณ 15-20 กก.ขนมเจาะหู สามารถที่จะทําไว้ล่วงหน้า 4-5 วันได้ไม่เสีย ไม่เหมือนต้มใบพ้อ หรือต้มสามเหลี่ยม ที่จะต้องทําก่อนรุ่งขึ้นไปวัดเก็บไว้ไม่ได้ ส่วนขนมเจาะหูเก็บไว้ได้ แต่ก็ต้องแข่งกับเวลา ช่วงการทําขนมเจาะหูก็จะอยู่ที่ก่อนไปวัด 3-4 วัน จะสั่งแล้วเอาเลยกะทันหันไม่ได้ ต้องมีการหมักแป้งไว้ค้างคืน ซึ่งเราก็สามารถคํานวณได้อย่างออเดอร์ 100 ลูก 200 ลูก ต้องใช้แป้งกี่กิโล 1 กิโลแป้งจะได้ขนม เจาะหูประมาณ 300-350 ลูก แล้วแต่ทอดเล็กใหญ่ เมื่อก่อนสมัยที่ข้าวของยังไม่แพง ก็จะขายอยู่ที่ 80 ลูก 100 บาท ตอนนี้ 100 ลูก ก็ขาย 100 บาท ลูกละบาท น้ํามัน แป้ง ขึ้นราคา คนที่มาสั่งขนมก็จะมีทั้งคนที่จะไปวัดทําบุญทั่วไป รวมทั้งร้านขายข้าวแกง ก็จะสั่งขนมไปตั้งขายหน้าร้านด้วย โดยจะบรรจุถุงๆ ละ 50 ลูก 50 บาท รายได้ก็ถือว่าดี สามารถทําเป็นรายได้เสริม ซึ่งตามปกติตนเองก็ทําอาหาร ขายอยู่ที่วัดคูหาภิมุข ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ทําขนมลาลอยมัน เจาะหู ต้มใบพ้อ ข้าวต้มมัด ขายอยู่แล้ว รวมทั้งออกบูธงาน เทศกาลขนมพื้นบ้านต่างๆ ในส่วนของความอร่อยของขนมเจาะหูนั้น คุณวันลา บอกว่า เคล็ดลับจะอยู่ที่แป้งนิ่มกรอบหวานกําลังดี และไม่อมน้ํามันสําหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมพื้นบ้านอย่างขนมเจาะหู ต้มใบพ้อ ขนมลา ข้าวต้มมัด ก็สามารถออเดอร์ไปได้ที่ เฟซบุ๊ก ส้มตํา สั่งได้ หรือ ที่เบอร์โทร 087-8370181
27/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927104125808
247,492
ททท. เสิร์ฟมินิซีรีส์ “Y JOURNEY STAY LIKE A LOCAL” ปลุกท่องเที่ยวไทย
น.ส.อโนมา วงศ์ใหญ่ ผอ.ททท.พัทยา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมกับ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จํากัด และ บริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จํากัด เปิดตัวโครงการ “Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)” ชูคอนเซปต์ “Amazing 5F and More” และ SDGs ถ่ายทอดผ่านมินิซีรีส์ 6 เรื่อง นําแสดงโดย 12 นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังที่จะชวนทุกคนไปสัมผัสเสน่ห์และอัตลักษณ์ของการท่องเที่ยวภาคตะวันออกอย่างยั่งยืนพร้อมสร้างแรงบันดาลใจสู่การท่องเที่ยวจริง โดยมี นาย อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จํากัด นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อํานวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. ผู้กํากับจากบริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จํากัด และนักแสดงทั้ง 12 คน ให้เกียรติร่วมงาน ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท. สํานักงานใหญ่โดย นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อํานวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท. ได้กล่าวว่า ททท. โดย ภูมิภาคภาคตะวันออก เล็งเห็นความสําคัญของการต่อยอดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด Sustainable Development Goals : SDGs ประกอบกับกระแส Soft Power (5F) โดยเฉพาะ F-Food และ F-Film กําลังได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ Gen X Y และ Millennial จึงเกิดเป็น โครงการ “Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)” นําเสนอจุดเด่นของการท่องเที่ยวภาคตะวันออก เช่น แหล่งท่องเที่ยว อาหาร สินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยว ผนวกเข้ากับแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ตามรอยภาพยนตร์ สร้าง Meaningful Relationship รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย และนําไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไปสําหรับโครงการประชาสัมพันธ์ “Y JOURNEY (STAY LIKE A LOCAL)” ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท ฮาล์ฟ โทสท์ จํากัด เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานมินิซีรีส์ทั้ง 6 เรื่อง โดยมี 12 นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังร่วมร่วมถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดในภาคตะวันออก ทั้ง 6 จังหวัด โดยแต่ละเรื่องจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไป ตามรายละเอียดดังนี้มินิซีรีส์ 1 เรื่อง “เพื่อนรักแอบรักเพื่อน” นําแสดงโดย “แฟรงค์-ธนัตถ์ศรันย์ ซําทองไหล”และ “หล่งซื่อ ลี” ถ่ายทอดเรื่องราวการท่องเที่ยวสายมู เส้นทางแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ วัดหงษ์ทอง วัดอโศกการาม วัดจีนประชาสโมสร ตลาดบ้านใหม่ ผสมผสานกับวัฒนธรรมอาหารถิ่น เช่น ข้าวห่อใบบัว ขนมเกสรลําเจียก ขนมเปี๊ยะสดนายเล้ง ผัดไทนายแกละ ออกอากาศเป็นตอนแรกในวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566มินิซีรีส์ 2 เรื่อง “คําสารภาพ” นําแสดงโดย “เน็ต-สิรภพ มานิธิคุณ” และ “เจมส์-ศุภมงคล วงศ์วิสุทธิ์” ถ่ายทอดเรื่องราวการลดขยะอาหาร Zero Food Waste ด้วยการแปรรูป ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี ชุมชนตลาดเก่าริมน้ําจันทบูร น้ําตกพลิ้ว ศาลเจ้าตั้วเล่าเอี๊ย และเพ็ญทิวาทุเรียนทอด และอาหารท้องถิ่น เช่น ยํามังคุดกุ้งสด กวยจั๊บป้าไหม แกงหมูใบชะมวง ไอติมจรวด แกงมัสมั่นทุเรียน ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2566มินิซีรีส์ 3 เรื่อง “เฮียไม่ปลื้ม” นําแสดงโดย “ฟลุ้ค-ณธัช ศิริพงษ์ธร”และ“ยูโด-ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์” ถ่ายทอดเนื้อหาวิถีชีวิตและการจ้างงานชุมชนท้องถิ่น ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดตราด ชุมชนท่าระแนะ ประภาคารแหลมงอบ หาดตาลคู่ สะพานวัดใจ พร้อมสอดแทรกอาหารท้องถิ่น เช่น ข้าวผัดพริกเกลือ อาหารซีฟู้ด ปลาโคกหว่น ปลาทราย-ปลาซิวทอด เป็นต้น ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566มินิซีรีส์ 4 เรื่อง “คู่กัดออกทริป” นําแสดงโดย “แม้ก-กรธัสส์ รุจีรัตนาวรพันธุ์” และ “ณฐ-ณฐสิชณ์ เอื้อเอกสิชฌ์” ถ่ายทอดเนื้อหาการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ํา ผ่านเรื่องราวของเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดนครนายก อ่างเก็บน้ําทรายทอง-เขาช่องลม และจังหวัดปราจีนบุรี น้ําตกเขาอีโต้-วัดพระใหญ่-ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี ผสมผสานอาหารท้องถิ่น ได้แก่ ไผ่ตงหวาน ต้มหน่อไม้ ส้มตําไผ่บงหวาน ออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566มินิซีรีส์ 5 เรื่อง “สมมติว่าเป็นแฟน” นําแสดงโดย “มอส-ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ” และ “แบงค์-มณฑป เหมตาล” ถ่ายทอดเนื้อหาของการรีไซเคิลพลาสติกที่มาจากทะเล ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดระยอง เขาแหลมหญ้า สะพานคู่หาดแม่รําพึง วิสาหกิจชุมชนแยกขยะวัดชากลูกหญ้า และอาหารท้องถิ่น เช่น ยําผักกระชับ แกงส้มปู แกงคั่วเล เส้นหมี่น้ําแดงโบราณ ต้มหมูชะมวง เป็นต้น ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566มินิซีรีส์ 6 เรื่อง “ตามหาความทรงจํา” นําแสดงโดย “ยุ่น-ภูษณุ วงศาวณิชชากร” และ “ดิว-นิติกร ปานคร้าม” ถ่ายทอดเนื้อหาการใช้พลังงานทดแทน ผ่านเรื่องราวจังหวัดชลบุรี ในแหล่งท่องเที่ยวสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา หาดบางแสน อ่างเก็บน้ําบางพระ แกรนด์แคนยอนชลบุรี และอาหารถิ่น เช่น ข้าวหลามหนองมน ข้าวเกรียบอ่อน ไก่ย่างบางแสน เป็นต้นซึ่งจะออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 มินิซีรีส์ดังกล่าว มีกําหนดเผยแพร่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 น. เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 ผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน AIS PLAY, YouTube ของ AIS และ YouTube Channel : Amazing Thailand
27/9/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927092414782
247,493
กรมธนารักษ์ ร่วมกับกรมชลประทาน เตรียมแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมชลประทาน 6 จังหวัด
นายจําเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยภายหลังร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ ที่อยู่ในความครอบครองของกรมชลประทาน ระหว่างกรมธนารักษ์และกรมชลประทาน ว่า เพื่อกําหนดแนวทางการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ ที่อยู่ในความครอบครองของกรมชลประทานในพื้นที่โครงการนําร่อง จํานวน 6 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย นครปฐม เพชรบุรี สุรินทร์ และนครนายก ขณะที่พื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ให้สํานักงานธนารักษ์พื้นที่และหน่วยงานกรมชลประทานที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้น สามารถดําเนินการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุตามแนวทางและมาตรการที่ทั้ง 2 หน่วยงานได้ตกลงร่วมกันไว้สําหรับการกําหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดิน แบ่งออกจํานวน 3 โซน คือ พื้นที่เพื่อการชลประทานเป็นหลัก พื้นที่ผ่อนปรน กรมชลประทานยังคงสงวนไว้ใช้ประโยชน์ในการชลประทานแต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ชัดเจนและเห็นชอบร่วมกันให้มีการยินยอมผ่อนปรนให้สามารถนําที่ดินมาจัดให้ราษฎรเช่าเป็นการชั่วคราวภายใต้เงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดิน และระยะเวลาการเช่าที่ทางราชการกําหนด และพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ กรณีกรมชลประทานไม่ประสงค์สงวนไว้ใช้ประโยชน์ในการชลประทานอีกต่อไป
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927101736800
247,494
ททท. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา นำมิติของการท่องเที่ยวผนวกกับมิติของความบันเทิง
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตามที่ ททท.ขานรับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวและยังคงมุ่งเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) อย่างต่อเนื่อง ผ่าน Soft Power (5F) ประกอบกับช่วงเวลานี้ ช่อง One 31 ได้ดําเนินการผลิตละคร “พนมนาคา” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรม จึงเป็นโอกาสในการต่อยอดนํามิติของการท่องเที่ยวผนวกกับมิติของความบันเทิง โดยชูจุดแข็งในพื้นที่ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวสายมูและสายศรัทธา สะท้อนอัตลักษณ์ วิถีชีวิตท้องถิ่นและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ “นาค” เป็นเอกลักษณ์ประจําชาติประเภทสัตว์ในตํานาน จึงถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าแก่ต้นทุนทางวัฒนธรรม ควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ นําไปสู่การสร้างรายได้หมุนเวียนสู่ฐานรากอย่างทั่วถึงผ่านการท่องเที่ยวนอกจากนี้ ททท. ได้เตรียมออกแบบกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้แนวคิด “ศรัทธานําทาง เส้นทางนําเที่ยว” ตามรอยพญานาค ความเชื่อ ความศรัทธาและวัฒนธรรมที่อยู่คู่คนไทย เพื่อสร้างกระแสและแรงบันดาลใจให้กลุ่มแฟนคลับละครออกเดินทางท่องเที่ยวตามรอยละคร ไปยังสถานที่ต่างๆ ในภาคอีสาน โดยนําร่องประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวจากสถานที่ถ่ายทําละครที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อพญานาคในกลุ่มจังหวัดลุ่มแม่น้ําโขง เช่น นครพนม มุกดาหาร สกลนคร หนองคาย บึงกาฬ รวมทั้งสอดแทรกการเผยแพร่ประเพณีของแต่ละจังหวัด เช่น ประเพณีออกพรรษา ไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม บั้งไฟพญานาค จังหวัดหนองคาย เป็นต้น
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927211634021
247,495
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีร่วมเปิดงานมหกรรมชี้ช่องรวยแฟรนไชส์ เซ็นทรัลเวสต์เกต ยกทัพ 50 แฟรนไชส์ จัดใหญ่โปรแรง!! วันที่ 26 ก.ย.- 2 ต.ค.นี้
ที่ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 เซ็นทรัลเวสต์เกต นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมเปิดงานมหกรรมชี้ช่องรวยแฟรนไชส์ เซ็นทรัลเวสต์เกต ยกทัพ 50 แฟรนไชส์ จัดใหญ่โปรแรง วันที่ 26 ก.ย.- 2 ต.ค.นี้ คาดเงินสะพัด 550 ล้านบาท สําหรับมหกรรมชี้ช่องรวยแฟรนไชส์ เซ็นทรัลเวสต์เกต จํากัด ร่วมกับ ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และโลตัส ยกทัพคาราวานแฟรนไชส์ชื่อดังกว่า 50 แบรนด์ สัญจรสร้างอาชีพเยือนหัวเมืองใหญ่นนทบุรี จัดเต็มโปรโมชั่นราคาพิเศษ พร้อมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ําสําหรับผู้มองหาแหล่งทุนเริ่มต้นและต่อยอดธุรกิจ ครบเครื่องกับเสวนาให้ความรู้ตลอดงาน งานนี้มีการรวบรวมสินเชื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีจากสถาบันการเงินชั้นนํา ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีจากธนาคารออมสิน บริการให้คําปรึกษาด้านการเงินจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เงินกู้เสริมสภาพคล่องจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย อีกทั้งทําเลเด่นคัดสรรให้เลือกทั่วประเทศรวมกว่า 2,300 แห่งจากโลตัส มางานนี้งานเดียวได้ทั้งธุรกิจแฟรนไชส์ ทําเลเด่น องค์ความรู้เพื่อต่อยอดธุรกิจ ครบจบในงาน
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
นนทบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927105830814
247,496
พาณิชย์เพชรบุรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาด สินค้าสับปะรด เตรียมแผนรับมือ กรณีเกิดปัญหาสินค้าเกษตร ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
นางสาวจินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี มอบหมาย นายปริญญา กําแหง หัวหน้ากลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาด สินค้าสับปะรด เพื่อเตรียมแผนรับมือ กรณีเกิดปัญหาสินค้าเกษตร ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ณ สหกรณ์ดอนขุนห้วย อําเภอชะอํา คาดการณ์ผลผลิตสับปะรด ปี 2566 จํานวน 56,333 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 35 เนื่องจากสภาวะอากาศร้อน และฝนทิ้งช่วง ผลผลิตที่จะออกในช่วงเดือน ตุลาคม ประมาณ 4,200 ตัน ช่วงที่ผลผลิตสับปะรดจะออกมากอยู่ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย ด้านการตลาด ราคาสับปะรด ในพื้นที่ยังยืนตัวในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยราคาเดือนกันยายน ผลใหญ่ สับปะรดโรงงานผลใหญ่ ราคา 9-10 บาท/ก.ก สับปะรดผลสด พันธุ์ปัตตาเวีย กิโลกรัมละ 14-15 บาท/ก.ก พันธุ์แกะตา กิโลกรัมละ 20-25 บาท โดยต้นทุน สับปะรดอยู่ที่ ราคา 4-5 บาท/ก.ก
27/9/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927105944815
247,497
จังหวัดเลย เปิดการท่องเที่ยวบ้านพองหนีบ หมู่บ้านหัวใจภูกระดึง เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่การตลาด
วันที่ 26 กันยายน 2566 ที่บ้านพองหนีบ ตําบลศรีฐาน อําเภอภูกระดึง จังหวัดเลย นายณรงค์ จีนอ่ํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดการท่องเที่ยวบ้านพองหนีบ หมู่บ้านหัวใจภูกระดึง โดยมี นายธรรมนูญ ภาคธูป ผู้จัดการสํานักงานพื้นที่พิเศษ 5 นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอําเภอภูกระดึง นายไสว จันทร์เหลือง นายกองค์การบริหารส่วนตําบลศรีฐาน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน กํานัน ผู้ใหญ่บ้านบ้านพองหนีบ เข้าร่วมงานนายณรงค์ จีนอ่ํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า บ้านพองหนีบเป็นหมู่บ้านต้นน้ําพอง ซึ่งถือเป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์และโอบล้อมด้วยภูเขา โดยมีความพิเศษ คือ “เป็นหมู่บ้านที่อยู่ร่องกลางของภูเขารูปหัวใจ ภูกระดึง และด้วยสภาพภูมิประเทศ ที่เป็นภูเขาโอบล้อม จึงทําให้หมู่บ้านพองหนีบ มีอากาศที่เย็นสบาย ธรรมชาติที่สวยงาม ผู้คนในชุมชน ยังคงรักษาวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และนอกจากคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ในด้านคุณค่าทาง วัฒนธรรม หมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีใบเสมาที่มีอายุกว่า 1,500 ปี บ้านพองหนีบจึงเปรียบเสมือนหมู่บ้านในหุบเขาที่มีเสน่ห์ และรอให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส นายธรรมนูญ ภาคธูป ผู้จัดการสํานักงานพื้นที่พิเศษ 5 กล่าวว่า จังหวัดเลยได้กําหนดให้การท่องเที่ยวเป็นยุทธศาสตร์ที่สําคัญในการพัฒนา โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเลยให้ได้มาตรฐาน โดยให้ความสําคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ถือเป็นหน่วยงานหลักที่ดําเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งหวังให้ชุมชนเข้มแข็ง เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน และมีความหวงแหนในทรัพยากรท้องถิ่น และยกระดับคุณค่าของทรัพยากรในบ้านของตนเพื่อสร้างมูลค่า ทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยบ้านพองหนีบสํานักงานพื้นที่พิเศษ 5 ได้มาร่วมพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งใช้เวลาเตรียมความพร้อมกว่า 6 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2560 ได้รับความร่วมมือจากผู้ใหญ่บ้าน นายทองสา คํามา เป็นอย่างดี ที่นําพาชาวบ้านขับเคลื่อนการท่องเที่ยวร่วมกัน เริ่มจากการจัดประชุมและประชาคมหมู่บ้าน กับคําถามที่ว่า พวกเราจะร่วมกันทําการท่องเที่ยวหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านต่างยกมือ “พร้อมทํา” แต่หัวใจหลักของการพัฒนากับคําถามที่ว่า “อยากทําท่องเที่ยวเพื่ออะไร” ซึ่งคําตอบที่ได้คือ “อยากทําท่องเที่ยวเพื่ออยากได้ถนน เพราะเมื่อมีถนนเข้าหมู่บ้าน ลูกหลานพวกเขาจะได้กลับบ้าน” เป็นคําตอบที่ง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ และร่วมพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้จนเกิดโปรแกรมการท่องเที่ยวที่สําคัญ คือ-โปรแกรมหลักที่มีชื่อว่า “รอบกองไฟ หัวใจภูกระดึง” ในราคาเพียง 750 บาทกับกิจกรรมไฮไลท์ พักค้างคืนโฮมสเตย์พร้อมอาหาร และล้อมวงรอบกองไฟยามเย็นในบรรยากาศที่อบอุ่น ท่ามกลางหมู่ดาว ร่องกลางหัวใจภูกระดึง รวมทั้งยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนต้นน้ําพอง กับโปรแกรมที่ชื่อว่า “เดินป่า ผิงไฟ ฟังเรื่องเล่า” ในราคา 1,290 บาท ซึ่งคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของชุมชนแห่งนี้
27/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927115458855
247,498
นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมงาน OTOP Midyear 2023 ที่สุดแห่งภูมิปัญญา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมงาน OTOP Midyear 2023 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ภายใต้แนวคิด ที่สุดแห่งภูมิปัญญารังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย ตามนโยบายส่งเสริม Soft Power ของรัฐบาล ซึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP เป็นหนึ่งในต้นทุนของพลังทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นําเยี่ยมชม เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณงาน OTOP Midyear 2023 ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี “พระราชกรณียกิจด้านการสืบสาน รักษาและต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” จากนั้นเยี่ยมชมการแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายในงาน เช่น ผ้าไทยใส่ให้สนุก First Lady (ผลิตภัณฑ์ผ้า) รวมทั้งชมศิลปิน OTOP สาธิตการทอผ้า การทําเปลือกไข่วิจิตรศิลป์และการทําเบญจรงค์ ตลอดจนชมกิจกรรม OTOP ที่กรมการพัฒนาชุมชนดําเนินการส่งเสริมและพัฒนา เช่น ร้านพึ่งพา โดยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย OTOP Online OTOP ขึ้นเครื่อง OTOP Premium Young OTOP ผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทผ้า เครื่องประดับ ของใช้และสมุนไพร และ OTOP ชวนชิม ทั้งนี้ ระหว่างนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมสินค้าและผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ต่างๆ ภายในงาน ได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผ้าชาวเขา ได้ทดลองเทคนิคการเขียนเทียนลงบนผ้าใยกัญชง โดยเขียนชื่อและนามสกุลของนายกรัฐมนตรีลงบนผ้าดังกล่าวด้วยสําหรับกิจกรรมภายในงาน OTOP Midyear 2023 ประกอบด้วย โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โซนแสดงและจําหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอปกว่า 1,200 บูธ โซน OTOP ชวนชิมมากกว่า 160 ร้านค้าทั่วประเทศ โซน OTOP Trader ประเทศไทย และ OTOP Trader จังหวัด ได้แก่ โซนท่องเที่ยวชุมชน OTOP นวัตวิถี และผลิตภัณฑ์ในชุมชน OTOP นวัตวิถี เป็นการจัดแสดงความสําเร็จในชุมชน OTOP นวัตวิถี และผลิตภัณฑ์ของชุมชน OTOP ศิลปิน จัดแสดงและจําหน่ายผลิตภัณฑ์จากศิลปินโอทอปที่อนุรักษ์และสืบทอดไว้ซึ่งภูมิปัญญาของคนไทยจากรุ่นสู่รุ่น ถ่ายทอดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่า โซนผ้าไทยใส่ให้สนุกที่จัดแสดงผ้าประเภทต่างๆ ที่มีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด รวมถึงการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าที่มีดีไซน์ทันสมัยเหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย และการจัดแสดงนิทรรศการเส้นไหมและจําหน่ายเส้นไหม รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายและกิจกรรมจากดาราศิลปินมากมาย
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927210919018
247,499
จ.ลำปาง เตรียมความพร้อมจัดการแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 30
นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลําปาง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติฯ แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 2 ประจําปี 2566 ณ ห้องประชุมอาลัมภางค์ ศาลากลางจังหวัดลําปาง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เข้าร่วมประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันฯในด้านต่างๆ ประกอบด้วย ฝ่ายการออกแบบและประชาสัมพันธ์ ฝ่ายระบบรับสมัครและจัดจําหน่าย ฝ่ายเทคนิคการกีฬาและการจัดการแข่งขัน ฝ่ายการแพทย์และการพยาบาล ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการจราจร ฝ่ายสถานที่ ฝ่ายประสานงานและชุมชนสัมพันธ์ และฝ่ายสวัสดิการทั้งนี้ จังหวัดลําปาง ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และหอการค้าจังหวัดลําปาง กําหนดจัดการแข่งขันวิ่งเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานวิ่งยิ่งใหญ่ของจังหวัดลําปางดําเนินการต่อเนื่องมาถึงครั้งที่ 30 ด้วยแนวคิด Ready to Zero Carbon เตรียมความพร้อม ของ อ.แม่เมาะ และ จ.ลําปาง สู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ํา ตลอดจนรณรงค์ให้นักวิ่งและประชาชนตระหนักถึง ความสําคัญในการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่ลดการสร้างคาร์บอนซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกการแข่งขันแบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และไมโครมาราธอน 5 กิโลเมตร ทั้งสามเส้นทางเป็นการวิ่งชมทัศนียภาพรอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เหมืองแม่เมาะ ตลอดจนอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ ทั้งอ่างห้วยเป็ดและอ่างเก็บน้ําแม่ขาม ซึ่งเป็นวิวที่มีความงดงามเข้ากับบรรยากาศในฤดูหนาวภายในงานยังมีรถบริการรับ-ส่ง นักวิ่งด้วยรถมินิบัสไฟฟ้า EV ทั้งหมด เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่และลดการ ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ตามแนวคิด Ready to Zero Carbon
27/9/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927141040891
247,500
นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมบูธ OTOP จังหวัดเพชรบูรณ์ บูธผ้าเอกลักษณ์ชนเผ่าม้ง อำเภอเขาค้อ พร้อมเขียนเทียนรูปคนแคระเมืองโบราณศรีเทพ บนผ้าใยกัญชง ในงาน OTOP Midyear 2023
วันที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ มอบหมาย นายวัชระ ธรรมปัญญาสกุล พัฒนาการจังหวัดเพชรบูรณ์ต้อนรับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการเยี่ยมชมบูธ OTOP จังหวัดเพชรบูรณ์ บูธ PIYASILA ผ้าเอกลักษณ์ชนเผ่าม้ง อําเภอเขาค้อ ในงาน OTOP Midyear 2023โดยมีนางณิชาภา แซมลําเจียก ประธานกลุ่ม PIYASILA แนะนําผ้า และนางสาวณัฐดา แซ่พุ่น เยาวชนต้นกล้า/อนุรักษ์สืบสานอัตลักษณ์/การเขียนเทียนบนลายผ้าเขาค้อ ได้บรรยายวิธีการเขียนเทียน โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้ทดลองเขียนเทียนบนผ้าใยกัญชง (ผ้าเอกลักษณ์ของชนเผ่าม้งเพชรบูรณ์) เป็นลวดลายรูปคนแคระศรีเทพ ที่เป็นสัญลักษณ์อีกอย่าง ที่สื่อถึงเมืองโบราณศรีเทพ มรดกโลก และยังเขียนชื่อ“เศรษฐา ทวีสิน” ไว้มุมล่างของภาพอีกด้วย
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
เพชรบูรณ์
สวท.เพชรบูรณ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927141723900
247,501
คปภ. เปิดอาคารที่ทำการแห่งใหม่ของสำนักงาน คปภ.ภาค 4 (นครราชสีมา) และสำนักงาน คปภ.จังหวัดนครราชสีมา รองรับภารกิจและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารสํานักงาน คปภ.ภาค 4 (นครราชสีมา) และสํานักงาน คปภ.จังหวัดนครราชสีมาแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 2966/7 ถนนเดชอุดม ตําบลในเมือง อําเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ นายไมตรี ชนูดหอม ผู้อํานวยการภาค สํานักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) กล่าวรายงาน พร้อมด้วย น.ส.มณี ไวยภาษ ผู้อํานวยการสํานักงาน คปภ.จังหวัดนครราชสีมา ส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมแสดงความยินดีนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า สํานักงาน คปภ.ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญของประชาชนที่ต้องได้รับการบริการที่ดีมีประสิทธิภาพและทั่วถึง จึงได้จัดตั้งสํานักงาน คปภ.ภาค และสํานักงาน คปภ.จังหวัดขึ้น รวม 9 ภาค และ 69 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นตัวแทนของสํานักงานในการปฏิบัติงาน ด้านการกํากับดูแลส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัย รวมถึงการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ตลอดจนการให้บริการผู้เอาประกันภัย และประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ผ่านช่องทางต่างๆ ตามภารกิจ เช่น การส่งเสริมความรู้และการเข้าถึงระบบประกันภัยของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย การให้คําปรึกษาแนะนํา การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ การช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติภัยรายใหญ่ การบริการช่วยเหลือประชาชนในเทศกาลต่างๆ การจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย การออกและต่อใบอนุญาตตัวแทน นายหน้าประกันภัย การจัดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันภัย การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์องค์กร รวมถึงผลักดันงานตามยุทธศาสตร์และนโยบายขององค์กรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กําหนดผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น โครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ โครงการอัจฉริยยุวชนประกันภัย โครงการอาสาสมัครประกันภัย และโครงการเผยแพร่ความรู้ด้านการประกันภัยเชิงรุกสู่สาธารณชนทั่วประเทศเพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันภัย และตระหนักถึงความสําคัญของการประกันภัย สามารถใช้การประกันภัยบริหารความเสี่ยงของตนเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพทั้งนี้ สํานักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) กํากับดูแลสํานักงาน คปภ.จังหวัด 6 จังหวัด ได้แก่จังหวัดนครราชสีมา/บุรีรัมย์/สระบุรี/ลพบุรี/นครนายก/และปราจีนบุรี
27/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สวท.นครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927145618910
247,502
รองผู้ว่าฯ กาญจนบุรี เปิดงาน“หลงเสน่ห์ เมืองกาญจน์” ที่ เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G ที่จัดแสดงสินค้าในระหว่างวันที่ 25 – 29 กันยายน 2566
เมื่อวานนี้ 26 กันยายน 2566 ที่ไอคอนสยาม ชั้น G นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "หลงเสน่ห์ เมืองกาญจน์" โดยมี นางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวรายงานต่อประธาน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นางสาวนุสรา กาญจนกูล และ นางสาวโชติมา เอื่ยมสวัสดิกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี ประธานเครือข่าย MOC Biz Club กาญจนบุรี ประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย กาญจนบุรี กรรมการผู้จัดการสุขสยาม ผู้แทนหัวหน้าหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน พร้อมเดินเยี่ยมชมสินค้า ร้านอาหาร ธุรกิจสุขภาพและสปา สํานักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรีจัดงานแสดงสินค้า "หลงเสน่ห์ เมืองกาญจน์" ภายใต้โครงการส่งเสริมการพัฒนาการค้าทั้งในและระหว่างประเทศ กิจกรรมพัฒนาตลาดสินค้ากาญจนบุรี เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าที่มีความโดดเด่นได้มีโอกาสพบผู้บริโภค และเป็นการสร้างเสริมเศรษฐกิจให้แก่จังหวัดกาญจนบุรี โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในพื้นที่ทําเลทอง ตั้งแต่วันที่ 25 - 29 กันยายน 2566 ที่ เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G และห้างสรรพสินค้า โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นตอร์ กาญจนบุรี ในวันที่ 5 - 9 ตุลาคม 2566 สํานักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี : ข้อมูลข่าว/ภาพ
27/9/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927190031986
247,503
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน พัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของจังหวัด
ที่ห้องประชุมขุนลุมประพาส ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจังหวัดแม่ฮ่องสอน (กรอ.) ครั้งที่ 5/2566 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมโครงการสําหรับการประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปผลความคืบหน้าการดําเนินงานของคณะทํางานขับเคลื่อนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดแม่ฮ่องสอน และการติดตามผลความคืบหน้าข้อเสนอ การขอรับสนับสนุนเส้นทางบินแม่ฮ่องสอน – เชียงใหม่ การสรุปผลการประชุมหารือการพัฒนาเส้นทางตรวจการณ์ห้วยต้นนุ่นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเวียงหล้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน การสรุปผลการจัดการแข่งขัน MAE HONG SON CROSS COUNTRY 2023 การรายงานสภาวะการค้าชายแคนไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (ข้อมูลสินค้านําเข้า - ส่งออก) และการรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน
27/9/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927160748942
247,504
กระทรวงพาณิชย์ หารือภาคเอกชน หาแนวทางช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เชิญภาคเอกชนร่วมหารือ ประกอบด้วย หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เพื่อรับทราบสถานการณ์และทิศทางการค้า โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบาย บริหารให้เกิดความสมดุล โดยการสร้างดุลยภาพของทุกภาคส่วนทั้งประชาชน ผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ให้ทุกฝ่ายสามารถดํารงชีวิต ดําเนินธุรกิจไปได้ สร้างผลประโยชน์ที่ได้รับด้วยกันทุกฝ่าย ตลอดจนการเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสและขยายช่องทางการตลาดใหม่ๆ ซึ่งการทํางานอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชน จะสามารถแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที ทั้งนี้ภาคเอกชนได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดเจรจา FTA เพื่อขยายโอกาสการค้าและการลงทุนของไทย รวมทั้งแก้ไขกฏระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการดําเนินธุรกิจ พร้อมยินดีให้ความร่วมมือในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน หากมีสินค้าใดที่สามารถตรึงราคาได้ จะช่วยตรึงราคาให้นานที่สุดนายภูมิธรรม กล่าวถึงการลดราคาสินค้าว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในติดตามและวิเคราะห์ว่ามีสินค้ารายการใดที่สามารถลดราคา เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะครอบคลุมทั้งหมวดบริการและการค้าออนไลน์ ซึ่งจะแถลงความชัดเจนในวันที่ 2 ตุลาคมนี้
27/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927211248020
247,505
นายอำเภอพิมาย ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานเทศกาลเที่ยวพิมาย นครราชสีมา ประจำปี 2566
วันนี้ (27 กันยายน 2566) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมอําเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา นายจิรัฏฐไชย จี่พิมาย นายอําเภอพิมาย พร้อมด้วย นายสมโภชน์ ชั่งทอง ปลัดอําเภอ(เจ้าพนักงานปกครองชํานาญการพิเศษ) หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายยุทธนา ศรีนวลดี ปลัดอําเภอ(เจ้าพนักงานปกครองชํานาญการพิเศษ) หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตร และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม กับคณะกรรมการดําเนินงานเทศกาลเที่ยวพิมาย นครราชสีมา ประจําปี 2566 (คณะกรรมการจัดแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงชนะเลิศถ้วยพระราชทาน และคณะทํางานจัดการแข่งขันฯ) ซึ่งมีกําหนดจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 8 - 12 พฤศจิกายน 2566 ณ บริเวณลําน้ําจักราช อําเภอพิมาย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและดํารงไว้ ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม รวมทั้งเผยแพร่วัฒนธรรมของท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยว
27/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927213626026
247,506
มุกดาหาร แถลงข่าวจัดปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร-สะหวันนะเขต ครั้งที่ 2
จังหวัดมุกดาหารแถลงข่าวจัดกิจกรรมปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร-สะหวันนะเขต ปีที่ 2 ระหว่างวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยนางหลิงทอง แสงตาวัน รองเจ้าแขวงสะหวันนะเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว ) สมาคมการค้าท่องเที่ยวมุกดาหาร (สกทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวกิจกรรมปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร-สะหวันนะเขต ปีที่ 2วันนี้ (27 ก.ย 66) โดยกล่าวว่า จังหวัดมุกดาหาร มีจุดเด่นเรื่องที่ตั้งที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านและแม่นํ้าโขงที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีในการส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงกําหนดจัดกิจกรรม “ปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร – สะหวันนะเขต” ระหว่าง วันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2566 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร และนครไกรสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวโดยใช้กีฬาเป็นกิจกรรมเชื่อมโยงความร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนและภาคส่วนต่างๆของทั้งสองประเทศ โดยจะมีกิจกรรมการปั่นจักรยานรอบตัวเมืองมุกดาหาร กิจกรรมพาแลง กิจกรรมปั่นจักรยานข้ามประเทศตามเส้นทางมุกดาหาร-นครไกสอนพมวิหาน และกิจกรรมตักบาตรเชื่อมวัฒนธรรมสองฝั่งโขง ขณะเดียวกันรองเจ้าแขวงสะหวันนะเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวว่า รู้สึกดีใจและชื่นชมที่จังหวัดมุกดาหารจัดกิจกรรมกี่ครั้งก็มีผู้เข้าร่วมจํานวนมาก ซึ่งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งสองฝั่งโขง และในกิจกรรมครั้งนี้ขอเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมค้างคืนเพื่อเที่ยวชมแขวงสะหวันนะเขต และเชื่อมั่นว่าชาวมุกดาหารจะได้ไปร่วมกิจกรรมที่หลากหลายและสนุกสนานที่ชาวลาวได้เตรียมต้อนรับอย่างเต็มที่ทั้งนี้ มีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และเจ้าหน้าที่สําหรับดูแลนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อยกระดับความปลอดภัย ตามนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว สําหรับผู้ที่สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ที่ Pages Facebook สมาคมการค้าท่องเที่ยวมุกดาหาร หรือสํานักงานท่องเที่ยวและกีฬา โดยสามารถเลือกเข้าร่วมกิจกรรมได้ 2 ประเภท ได้แก่ ปั่นไป-กลับ ราคา 990 บาทและค้างคืน 1,990 บาท รวมค่าเสื้อ ค่าผ่านแดน ค่าธรรมเนียม ที่พักและอาหาร
27/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927214517033
247,507
จังหวัดมุกดาหารแถลงข่าวกิจกรรมปั่นข้ามโขงเชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวมุกดาหาร-สะหวันนะเขตปีที่ 2
จังหวัดมุกดาหารแถลงข่าวกิจกรรมปั่นข้ามโขงเชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวมุกดาหาร-สะหวันนะเขตปีที่ 2วันที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 16.30 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว “กิจกรรมปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรม เพื่อการท่องเที่ยว มุกดาหาร - สะหวันนะเขตปีที่ 2” จัดโดยสมาคมการค้าท่องเที่ยวมุกดาหาร (สกทม.) โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย ท่านนางหลิงทอง แสงตาวัน รองเจ้าแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว นางสาวธิติยา ปานมณี กงสุล ผู้แทนสถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต นางสาววรรณา บุตรดีสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร นายอนุชิต ชนะวัฒน์ปัญญา วัฒนธรรมจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยผู้แทน สํานักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สํานักงานจังหวัดนครพนม ททท.นครพนม) ผู้แทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร และนายสัจจา วงศ์กิตติธร นายกสมาคมการค้าท่องเที่ยวมุกดาหาร แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และประชาชนที่สนใจเข้ารับฟังการแถลงข่าว ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2ด้วยจังหวัดมุกดาหาร โดยสมาคมการค้าท่องเที่ยวมุกดาหาร(สกทม.) ได้กําหนดจัดโครงการปั่นข้ามโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวมุกดาหาร - สะหวันนะเขต ปีที่ 2 (Cultural tourism of Mukdahan - Savannaket Season 2) กําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน 2566 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร และนครไกสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชื่อมโยงวัฒนธรรม 2 ฝั่งโขงในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารและแขวงสะหวันนะเขต โดยใช้กีฬาเป็นกิจกรรมเชื่อมโยงความร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนและภาคส่วนต่างๆของทั้งสองประเทศ ภายในกิจกรรมประกอบด้วย การปั่นจักรยานรอบตัวเมืองมุกดาหาร กิจกรรมพาแลง กิจกรรมปั่นจักรยานข้ามประเทศตามเส้นทางจังหวัดมุกดาหาร – นครไกสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว และกิจกรรมตักบาตรเชื่อมโยงวัฒนธรรม 2 ฝั่งโขงทั้งนี้ มีการแบ่งประเภทการเข้าร่วมกิจกรรมเป็น 2 ประเภทได้แก่ ประเภทปั่นไป - กลับ 1 วัน ค่าสมัคร 990 บาท และประเภทปั่นค้างคืน 2 วัน 1 คืน ค่าสมัคร 1,990 บาท โดยผู้สมัครจะได้รับเสื้อที่ระลึก อาหาร ประกันอุบัติเหตุ ฟรีค่าผ่านแดน และค่าธรรมเนียมต่างๆ ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครได้ที่ สมาคมการค้าท่องเที่ยวมุกดาหาร โทรศัพท์ 095-621-3954 และ 085-857 9701 ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2566
27/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927214651034
247,508
มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน Kick off โปรเจ็ค Food Before Waste จัดดินเนอร์หรูสไตล์ Chef Table
วันที่ 27 กันยายน 2566 ณ House of Tin Baron นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการจัดงาน Food Before Waste Chef Table จัดโดยมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานมูลนิธิฯ และได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ และสมาคมโรงแรมภูเก็ต การจัดงานได้รับเกียรติจากผู้แทนส่วนราชการภาครัฐเอกชน วงการท่องเที่ยวภูเก็ตและอันดามัน มารับประทานอาหารจากฝีมือเชฟระดับมิชลิน เชฟกร และเชฟกวาง สินประดิษฐ์ เชฟสองพี่น้องจากร้าน Five Olives และร้าน Marni มีรางวัลการันตีมากมาย ชัชวาล วราหะจีระกูล เชฟแบงค์ เชฟไอซ์ จากร้านสมุทร และ Mixologist Wyn จากร้านลับใจกลางเมืองภูเก็ต SSSh (ชูว) มาร่วมกันรังสรรค์เมนู และเครื่องดื่มที่สามารถสร้างความสนุกตื่นเต้น ในแต่ละจานผ่านการเล่าเรื่องของเชฟ เพื่อเพิ่มมูลค่าอาหารให้น่ารับประทาน และดูทันสมัย มีการตกแต่งบรรยากาศของงานให้มีความสวยงาม และต้องการเล่าเรื่องจากอาหารที่เหลือทิ้งจากไลน์ บุฟเฟ่ต์ โรงแรม ซุปเปอร์มาเก็ต แต่ละวันกว่า 30% สามารถนํามาปรุงและจัดให้น่ารับประทาน และที่สําคัญจะต้องลด (Zero Waste) โดยวัตถุดิบที่นํามาปรุงอาหารในครั้งนี้ได้มาจากสถานประกอบการ รอบเกาะภูเก็ต ได้แก่ โรงแรม proud phuket หาดไนยาง โรงแรมเดอะแนป หาดป่าตอง โรงแรมในเครือ peach group หาดกะรน โรงแรมกะตะธานี หาดกะตะ และโรงแรมเดอะวิจิตรรีสอร์ท ภูเก็ต หาดราไวย์ และวัตถุดิบทุกๆ ชิ้นที่นํามาตกแต่งในงานผู้ร่วมงานสามารถหยิบกลับไปใช้ประโยชน์ได้ เพื่อช่วยกันลดขยะและส่งเสริมให้เห็นคุณค่าการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า สําหรับการจัดงาน Food Before Waste Chef Table ในครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะเป็นเป็นการจุดประกาย และต่อยอดให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และประเทศไทยให้พัฒนาสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยกิจกรรมต่อเนื่องจากการจัดงานครั้งนี้ ยังมีงานสัมมนา Andaman Sustainable Tourism Forum ครั้งที่ 1 ในวันที่ 28? กันยายน 2566 เวลา 09.00-17000 น. ณ โรงแรมรามาด้า เจ้าฟ้า จังหวัดภูเก็ต ด้วย
27/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230927225857044
247,509
2 แหล่งท่องเที่ยว จ.ลำปาง เข้ารับพระราชทานรางวัลอันทรงเกียรติ "Hall of Fame" จากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
นางสาวยุรีพรรณ แสนใจยา ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานลําปาง เปิดเผยว่า ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทําพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทุก 2 ปี เนื่องในวันท่องเที่ยวโลก (27 กันยายน) โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 14 โดยผลงานของผู้ที่ได้รับรางวัลกินรี ในครั้งนี้มีหน่วยงานและผู้ประกอบการจากจังหวัดลําปางได้รับรางวัลยอดเยี่ยมติดต่อกัน 3 ครั้งจนเข้าสู่รางวัลเกียรติยศ หรือ Hall of Fame มี 2 หน่วยงาน คือ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และพิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ โดยรางวัล Hall of Fame นี้ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลําปางเคยได้รับมาแล้วเมื่อปี 2558 ในโอกาสนี้ ททท.สํานักงานลําปาง ขอแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้รับรางวัล รวมทั้งจะเดินหน้านําพาหน่วยงานน้องใหม่ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดต่อไป และขอเป็นกําลังใจให้กับทุกหน่วยงานที่ส่งผลงานเข้าประกวดปีนี้ยังไม่ได้อีก 2 ปีข้างหน้าจะเดินหน้าไปด้วยกันโดยมี 3 ประสานหน่วยงานที่ได้รับรางวัลมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับหน่วยงานอื่นๆ ส่งผลงานเข้าประกวดต่อไปผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานลําปาง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เป็นการคัดสรรผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ทั้งในด้านการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย และยั่งยืน (Safe and Sustainable Tourism) รวมทั้งการรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เพื่อเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (High Value and Sustainability) โดยมี 5 ประเภทการประกวด ดังนี้1. ประเภทแหล่งท่องเที่ยว (Attraction) แบ่งประเภทรางวัลย่อยออกเป็น 6 สาขา ประกอบด้วย สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการผจญภัย (Outdoor & Adventure Activities) สาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ (Learning & Doing) สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ (Nature & Park) สาขาแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการและความบันเทิง (Recreation & Entertainment) สาขาแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Historical & Culture) และสาขาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน (Local & Community)2. ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว (Accommodation) แบ่งประเภทรางวัลย่อยออกเป็น 4 สาขา ประกอบด้วย สาขาลักซ์ชูรี โฮเทล (Luxury Hotel) สาขาโลเคชัน โฮเทล (Location Hotel) สาขารีสอร์ต (Resort) และสาขาดีไซน์ โฮเทล (Design Hotel)3. ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health and Wellness Tourism) แบ่งประเภทรางวัลย่อยออกเป็น 4 สาขา ประกอบด้วย สาขาสปา (Spa) สาขาเวลเนส สปา (Wellness Spa) สาขาเวลเนส แอนด์ สปา รีทรีต (Wellness & Spa Retreat) และสาขานวดไทย (Nuad Thai for Health)4. ประเภทรายการนําเที่ยว (Tour Programmes)5. ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ําเพื่อความยั่งยืน (Low Carbon & Sustainability)สําหรับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย แบ่งออกเป็น 3 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลยอดเยี่ยม (Thailand Tourism Gold Award) รางวัลดีเด่น (Thailand Tourism Silver Award) และเกียรติบัตรรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Certificate)โดยผลงานที่ได้รับรางวัล Thailand Tourism Gold Award จํานวน 3 ครั้งติดต่อกัน โดยไม่จําเป็นต้องได้รับรางวัลประเภทเดียวกัน จะได้รับรางวัล Hall of Fameกรอบแนวคิดการตัดสินรางวัลประกอบไปด้วย 3 แนวคิดหลัก คือ 1.การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ส่งเสริมรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีความหมายและนําไปสู่ความยั่งยืน มีกระบวนการจัดการที่คํานึงถึงสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม กลไกสําคัญประกอบด้วย BCG Economy Model/Responsible Tourism/Low Carbon Management 2.ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Safety & Health Administration) 3.ความสนใจของกลุ่มนักท่องเที่ยว (Customers Interest)สิทธิประโยชน์จากทางโครงการฯ คือ ผลงานที่ได้รับรางวัลจะได้รับตราสัญลักษณ์กินรีเพื่อเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดในการเสนอขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยว และได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังต่อไปนี้1. ส่งเสริมการขายและการตลาด คือ 1.ได้รับเชิญเข้าร่วมงานส่งเสริมการขาย Trade Show/Road Show/Consumer Fair ของ ททท. และพันธมิตรที่ ททท. สนับสนุน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละกลุ่มตลาด 2.ได้รับสิทธิ์ส่วนลดค่าใช้จ่าย 50% ในการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขาย Trade Show/Road Show/Consumer Fair กับ ททท. ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละกลุ่มตลาด และ 3.ได้รับการนําเสนอข้อมูลขายผ่านสื่อการตลาดดิจิทัลของ ททท.ได้แก่ Video clip/E-Book/Digital Brochure2. ประชาสัมพันธ์ ผลงานที่ได้รับรางวัลจะได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ดังต่อไปนี้ คทอ1.ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออฟไลน์ และออนไลน์ของ ททท. ได้แก่ เพจ Amazing Thailand และเพจ Thailand Tourism Awards/อนุสาร อสท. 2.ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ ผู้จัดการออนไลน์/ข่าวสดออนไลน์/ฐานเศรษฐกิจ/มติชนออนไลน์/เดลินิวส์/แนวหน้า และ 3.ประชาสัมพันธ์ผ่าน Blog/สื่อโซเชียลมีเดียท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง3. ยกระดับพัฒนาองค์กร Upskill- Reskill รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรม Seminar/Workshop อาทิ Online Digital Marketing Workshop/งานสัมมนาเจ้าบ้านที่ดี 2566
28/9/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928085811055
247,510
หากมีท่าอากาศยานในพื้นที่จังหวัดพังงาจะทำให้ลดความแออัดของนักท่องเที่ยวท่าอากาศยานภูเก็ตและกระบี่
นายเลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวถึงการลงพื้นที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะมีกําหนดเดินทางรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ตําบลโคกกลอย อําเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ในวันพรุ่งนี้ (29 กันยายน 2566) ว่าหากมีการดําเนินการก่อสร้างสนามบินในจังหวัดพังงาได้จะเกิดประโยชน์ในสามประเด็นหลักๆ คือ ลดความแออัดของผู้โดยสารของท่าอากาศยานภูเก็ตและกระบี่ ประชาชนชาวจังหวัดพังงาสามารถโดยสารเครื่องบินได้ในราคาที่ถูกลงและประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวถือเป็นการสร้างหมุดหมายแห่งใหม่ในภาคใต้ฝั่งอันดามันนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ยังได้กล่าวถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในระยะสั้นด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราว่าจะได้ขอขยายการดําเนินการเพิ่มเติมจากเดิมที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ขยายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเยอรมนีเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เป็นตลาดหลักของจังหวัดพังงาเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศเยอรมนี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงาต่อไป
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928094548095
247,511
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เร่งขยายการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์รองรับศักยภาพอุตสาหกรรมการบินและภาคการท่องเที่ยว 
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อํานวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวในโอกาสครบรอบ 17 ปี การดําเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ซึ่งตรงกับวันที่ 28 กันยายน 2566 ว่า ปัจจุบัน ทอท. มีมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการและลงทุนใหม่ในโครงสร้างพื้นฐานหลักของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตลอดจนนําเทคโนโลยีและเพิ่มสิ่งอํานวยความสะดวกรองรับผู้ใช้บริการ ซึ่งขณะนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมื อยู่ระหว่างดําเนินโครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) เส้นที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถรองรับเที่ยวบินถึง 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง จากปัจจุบันที่มีรันเวย์ 2 เส้น สามารถรองรับได้ 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง มีกําหนดเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2567 นอกจากนี้ ยังมีแผนดําเนินโครงการก่อสร้าง อาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลัก ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ขยายศักยภาพการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี ด้วยการเพิ่มพื้นที่ 66,000 ตารางเมตร สถานะปัจจุบันผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ในระหว่างการปรับแบบให้สอดคล้องกับบริบทด้านการบินในปัจจุบัน คาดว่าจะเปิดประมูลโครงการฯ ต้นปี 2567 นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังให้ความสําคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเป็นท่าอากาศยานต้นแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Airport) แห่งแรกในประเทศไทย จากโครงการระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่อาคารผู้โดยสาร กําลังการผลิตขนาด 4.408 เมกะวัตต์ ที่เริ่มดําเนินการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2566 เป็นต้นมา ช่วยประหยัดพลังงานและยังช่วยลดความร้อนภายในอาคารผู้โดยสารลงมากกว่า 7 องศา ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 3,600 ตันต่อปี สําหรับการให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตลอด 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 - สิงหาคม 2566) มีเที่ยวบินที่ทําการบินรวมทั้งสิ้น 268,477 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารใช้บริการรวมทั้งสิ้น 44,400,000 คนอย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (28 ก.ย.) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เริ่มเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรืออาคาร SAT-1 ในรูปแบบ Soft Opening เป็นวันแรก ซึ่งหลังจากนี้จะประเมินผลการดําเนินงานเป็นระยะก่อนพิจารณาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบช่วงสิ้นปี 2566 ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของ ทสภ. จาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928094803096
247,512
หอการค้าไทยหารือกระทรวงพาณิชย์ พร้อมเสนอประเด็นเร่งด่วนขับเคลื่อนภาคการค้าให้เติบโตต่อเนื่อง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าฯ ประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในประเด็นการค้า การลงทุนและการส่งออก เพื่อเน้นย้ําความร่วมมือในการขับเคลื่อนภาคการค้าให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการนําเสนอใน 5 ประเด็นสําคัญ ได้แก่ กฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเน้นเรื่องเร่งรัด FTA ที่กําลังเจรจาอยู่ให้แล้วเสร็จ รวมถึงเปิดการเจรจาเพิ่มในตลาดที่สําคัญเพื่อเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย รวมทั้งการอํานวยความสะดวกในการดําเนินธุรกิจแก่ภาคเอกชน ให้สอดคล้องกับ e-Government ด้านการนําเข้า-ส่งออก ด้านการค้าปลีกและการยกระดับตัวเลขการค้าชายแดนนายสนั่น กล่าว่า ข้อเสนอของภาคเอกชนส่วนใหญ่ สอดคล้องกับ 7 แนวนโยบายหลักของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้รับข้อเสนอของภาคเอกชนที่เสนอและมอบให้ส่วนที่เกี่ยวข้องรับไปดําเนินการต่อ ซึ่งหากเรื่องใดแก้ไขได้ทันที ก็จะเร่งดําเนินการ แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นหรือแก้ไขทันทีไม่ได้ ก็จะมีการตั้งกลุ่มย่อย เชิญภาคเอกชนมาให้ข้อมูลและดูในรายละเอียดของแต่ละประเด็น ก่อนที่จะมีมาตรการออกมา โดยกระทรวงพาณิชย์จะมุ่งเน้นเรื่องการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928094358093
247,513
เดินหน้าโครงการชดเชยดอกเบี้ย เสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่และสุกร
นายอุดม ศรีมสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คบท.) เห็นชอบให้กรมการค้าภายใน ดําเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสุกร ปี 2566 ในการช่วยภาระค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารของรัฐ มาใช้ในการเลี้ยงไก่ไข่และสุกร ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่และสุกร รายย่อย-เล็ก-กลาง ที่มีการเลี้ยงไก่ไข่ไม่เกิน 100,000 ตัว และสุกรไม่เกิน 5,000 ตัว ในอัตราชดเชยดอกเบี้ย ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน วงเงินกู้รวม 2,000 ล้านบาท โดยโครงการชดเชยดอกเบี้ยฯ จะช่วยเสริมสภาพคล่อง บรรเทาภาระต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและไก่ไข่ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเกิดเอลนีโญ โรคระบาดในสัตว์ ให้เกษตรกรมีทุนหมุนเวียน มีสายป่านต่อเนื่องในการเลี้ยงสัตว์ เพื่อป้อนผลผลิตเข้าสู่ตลาด สร้างสมดุลด้านปริมาณและราคาให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่และเนื้อสุกรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยกรมฯ และคณะทํางานขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกรมปศุสัตว์ ผู้แทนสมาคมผู้เลี้ยงผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ จะเร่งดําเนินการประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการดําเนินโครงการต่อไป
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928094235092
247,514
ปชส.สุราษฎร์ธานี เผย รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสําคัญ เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นกุญแจดอกแรกในการสร้างรายได้ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับประชาชนเป็นจํานวนมาก สําหรับมาตรการการท่องเที่ยวนี้สามารถสะท้อนถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยฟื้นตัวกว่า 80% ของช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว เหลือแค่นักท่องเที่ยวจีนที่ยังฟื้นตัวไม่ถึง 30% โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย 1.85 ล้านคนเท่านั้น ตั้งเป้าปีนี้จะดึงนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ 5 ล้านคน ซึ่งหนึ่งในมาตรการ คือ มาตรการเชิงรุกด้านการอํานวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Traveling) ผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) สําหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 18 กันยายน 2566 ซึ่งทั้งสองตลาดถือเป็นตลาดศักยภาพและมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสําคัญต่อการฟื้นฟูภาพรวมการท่องเที่ยวไทย
28/9/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928103612142
247,515
ภาคเอกชน เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตดีขึ้น
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากความชัดเจนในมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการลดค่าครองชีพและต้นทุนให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ ผ่านการลดค่าไฟฟ้าและลดค่าน้ํามันดีเซล ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และนโยบาย Free Visa แก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ที่น่าจะช่วยกระตุ้นให้จํานวนนักท่องเที่ยวทั้งปีนี้ เพิ่มขึ้นไปถึง 28-30 ล้านคน ซึ่งในระยะยาว หอการค้ามองว่ารัฐบาลควรเน้นการสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายและอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น นอกจากนี้ การส่งออกที่ชะลอตัวหลายเดือน และกลับมาขยายตัวในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณที่ดี เชื่อว่าการส่งออกในปีนี้ อาจไม่ติดลบหรือติดลบน้อยที่สุด ขณะที่ การเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรี ในการประชุม UNGA และการพบปะหารือกับภาคธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ถือเป็นความสําเร็จและน่าชื่นชม ที่รัฐบาลได้ให้ความสําคัญกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะการเจรจาการค้า ซึ่งส่วนนี้จะช่วยสนับสนุนให้ภาคการส่งออกของไทยขยายตัวได้เนื่อง และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของไทยในเวทีโลกมากขึ้น ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล หากสามารถดําเนินการได้สําเร็จ น่าจะช่วยเพิ่ม GDP ได้ร้อยละ 2-3 ในปี 2567 ประกอบกับการส่งออกที่เติบโตมากกว่าปีนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวร้อยละ 5 ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันให้บรรลุเป้าหมาย
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928102037123
247,516
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล นำผู้ประกอบการในพื้นที่นำสินค้าร่วมจำหน่ายภายในงาน OTOP MIDYEAR 2023 รวม 4 วัน มียอดจำหน่ายแล้วกว่า 1 ล้านบาท สินค้าประเภทผ้าและเครื่องแต่งกายได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
วันนี้ (28 ก.ย.66) นายพีร ฤทธิ์เดช พัฒนาการจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า ตามที่สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล ได้นําผู้ประกอบการในพื้นที่ออกบูธจําหน่ายสินค้าภายในงาน OTOP MIDYEAR 2023 ระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 1 ตุลาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 – 3 ศูนย์การแสดงสินค้าและประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยยอดจําหน่ายล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 รวมทั้งสิ้น 223,900 บาท แบ่งเป็นประเภท อาหาร 29,100 บาท ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย 123,000 บาท ประเภทของใช้ ของตกแต่งฯ 37,800 บาท และประเภทชวนชิม 44,000 บาท ในส่วนของสินค้าขายดี 5 อันดับ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ เครื่องประดับมุก จากประดิษฐ์เครื่องประดับมุก 48,000 บาท ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับมุก จากมายุรีเพิร์ล 47,000 บาท ผลิตภัณฑ์จักสานจากต้นคลุ้ม จากกลุ่มจักสานต้นคลุ้มตําบลนาทอน 26,800 บาท โรตี ชา ชัก จากร้านขอบคุณ 27,000 บาท และก๋วยจั๊บมาเล กระเพาะปลา จากร้านเจ้จู 17,000 บาททั้งนี้รวมยอดจําหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการจังหวัดสตูล รวม 4 วัน 1,115,550 บาท
28/9/2023
ภาคใต้
สตูล
สวท.สตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928105445151
247,517
พาณิชย์จังหวัดสระบุรีมอบหนังสืออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย สินค้าเผือกหอมบ้านหมอ ให้แก่เกษตรกรผู้ผลิต
ที่ห้องรับรองชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสระบุรี นายผล ดําธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัด สระบุรี เป็นประธานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ไทย สินค้าเผือกหอมบ้านหมอ ให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ตามที่ จังหวัดสระบุรี ได้ขอขึ้นทะเบียน "เผือกหอมบ้านหมอ" เป็นสินค้าสิ่งบ่งขี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ขึ้นทะเบียน เผือกหอมบ้านหมอ เป็นสินค้า GI เรียบร้อยแล้ว โดยมีทะเบียนเลขที่ สช 65100172 ประกาศ ณ วันที่ 25 มกราคม 2565 ต่อมา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 จังหวัดสระบุรี กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดประชุมขี้แจงโครงการจัดทําระบบควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้า GI เผือกหอมบ้านหมอ โดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเป็นที่ปรึกษาโครงการฯ และเมื่อวันที่ 24 และ 26 พฤษภาคม 2566 คณะทํางานเพื่อการพิจารณาคําขอ ตรวจสอบควบคุมคุณภาพ และแหล่งที่มาของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)ได้มีการลงพื้นที่ ตรวจสอบกระบวนการผลิตสินค้า GI เผือกหอมบ้านหมอให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการค้าที่ประสงค์จะขอใช้ตราสัญลักษณ์ GI จํานวน 40 รายต่อมา เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 คณะกรรมการกํากับดูแลและอนุญาตการใช้สิ่งบ่งขี้ทางภูมิศาสตร์สินค้า "เผือกหอมบ้านหมอ" ได้มีการประชุมพิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และผลการตรวจสอบกระบวนการผลิต และได้เสนอรายชื่อผู้ผ่านการตรวจสอบไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อขออนุญาตใช้ตรา GI ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ส่งหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย สินค้าเผือกหอมบ้านหมอ จํานวน 40 ราย ซึ่งออกให้ ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2566 เพื่อมอบให้แก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการค้า โดยหนังสืออนุญาต มีระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต“เผือกหอมบ้านหมอ” ปลูกในจังหวัดสระบุรีครอบคลุมพื้นที่ 3 อําเภอได้แก่ อําเภอบ้านหมอ อําเภอดอนพุด และอําเภอหนองโดน เป็นเผือกหอมมีหัวขนาดใหญ่ สายพันธุ์เผือกหอมเชียงใหม่หรือเผือกหอมพิจิตร เนื้อเผือกมีสีขาวอมม่วงอ่อน มีเส้นใยสีม่วงกระจายทั่วหัว เมื่อนํามานึ่งหรือต้มเนื้อเผือกจะร่วนซุย และมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษกว่าเผือกหอมทั่วไปการขึ้นทะเบียนสินค้า GI เกิดประโยชน์กับทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค โดยในแง่ผู้ผลิต สินค้าที่ขึ้นทะเบียนแล้ว จะได้รับความคุ้มครอง คนในท้องถิ่นอื่นที่ผลิตสินค้าแบบเดียวกัน เอาชื่อ GI ไปใช้โปรโมทสินค้าตนเองไม่ได้ เพราะจะเป็นการละเมิด และมีโทษตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ.2546 อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยสินค้าใดที่เป็น GI แล้ว มูลค่าจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ช่วยยกระดับรายได้ท้องถิ่น และยังทําให้ผู้ผลิตต้องรักษาคุณภาพ มาตรฐานของสินค้า เพื่อคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของสินค้า ส่งผลให้ขยายตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศอีกทั้งยังเปิดแหล่งผลิตเป็นที่ท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ให้ชุมชนได้อีก
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สระบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928112023171
247,518
“ชีวิตขาดหวานไม่ได้” บ้านขนมหวานเสมอภพ ตำนานคู่ยะลากว่า 40 ปี ลูกค้านำเงินเข้าร้านสี่หมื่นบาทต่อวัน
ร้านบ้านขนมหวานเสมอภพ ตั้งอยู่ที่ 916 - 916/1 ผังเมือง 4 เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เป็นร้านขนมหวานดั้งเดิมเจ้าเก่า สูตรคุณย่า ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 40 ปี ปัจจุบันมีลูกสาวสานต่อจากคุณย่ารุ่นสู่รุ่น โดยลูกสาวได้แนวคิดเพื่อต่อยอดในการเอาขนมหวานมาปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ให้เกิดขึ้น คือ น้ําแข็งใส และไอศกรีมกะทิสูตรเฉพาะร้านทํายอดขายวันละ 500-600 ถ้วยต่อวัน สร้างรายได้วันปกติ 40,000 บาทต่อวัน ซึ่งถ้าเดือนบวชจะขายได้ ประมาณ 70,000-80,000 บาทต่อวัน หลังเปิดมาได้ประมาณ 5 เดือนกว่า ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักเรียน-นักศึกษา ที่สามารถเข้าถึงกับราคาได้ ราคาเริ่มต้นที่ 25 บาทขึ้นไป สามารถเลือกท็อปปิ้งได้ 5 อย่างโดยมีท็อปปิ้งให้เลือก 30 กว่าอย่าง อาทิ ข้าวโพด ฝอยทอง ถั่วแดง ลอดช่อง วุ้น เม็ดขนุน หัวล้าน เม็ดบัวลอย ลูกชิด ทองหยิบ ทองหยอด ลูกตาล กล้วยเชื่อม มันเชื่อม ฟักทองเชื่อม เผือกเชื่อม ทับทิมกรอบ พุทรา แมงลัก ขนมปัง วุ้นฟรุตตี้ มาชเมลโล ปีโป้ ข้าวเหนียว วุ้นเฉาก๊วย โกโก้ครั้น คอนเฟลตคุณอังคณา เสมอภพ อายุ 34 ปี เจ้าของร้านบ้านขนมหวานเสมอภพ เล่าว่า เริ่มต้นเดิมเราขายขนมหวานหน้าร้าน และเหมือนกับว่าเรามีขนมหวานอยู่แล้ว และก็เริ่มขายเป็นพวกน้ําแข็งขึ้นมา คือโดยเอาขนมหวานที่มีอยู่มาเป็นท็อปปิ้งของน้ําแข็งใส ขนมหวานที่เด่นๆก็คือ มีเม็ดขนุน ที่เป็นสูตรเฉพาะของตระกูล หัวล้านไส้ถั่วเหลือง และบัวลอยมะพร้าวอ่อน ส่วนใหญ่ลูกค้าเป็นเด็กมหาลัยฯ สูตรขนมหวานมาจากคุณย่า ก็คือเดิมๆเป็นคนนคร เป็นสูตรนครเฉพาะเลย ที่เด็ดมาแล้วต้องสั่ง คือ น้ําแข็งใสภูเขาไฟ และเป็นน้ําแข็งใสไอศกรีมกะทิ คือตัวกะทิของไอศกรีมมันไปเพิ่มความนัวให้กับน้ําแข็ง ไอศกรีมกะทิของทางร้านจะทําเอง แต่อย่างอื่นก็มีมั่งที่ว่าเอาอย่างอื่นเข้ามา ท็อปปิ้ง ของทําสดใหม่วันต่อวัน จุดเริ่มต้นของการจัดจานที่เราทํากินเอง เราจะกินเราก็ลองจัดกับน้ําแข็งอัดในถ้วยแล้วมาตั้งท็อปปิ้ง พอดูๆแล้วมันสวยงามก็เลยจุดประกายในความคิดถ้าทําแบบนี้อาจจะดูดีเวลาเขาถ่ายรูปอะไรแบบนี้ เพราะเดิมๆพี่สาวแกก็ชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว พอถ่ายรูปออกมาแล้วมันสวย วางแผนเลยเวลาเปิดร้านต่อไป จะจัดจานแบบนี้แหละ เวลาเซลฟีอะไรก็เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่ง สําหรับราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25 บาทขึ้นไป ท็อปปิ้ง 5 อย่าง ถ้าหากลูกค้าจะมาเช็คอินที่ร้านหรือมารับประทาน ร้านตั้งอยู่ที่ ผังเมือง 4 เขตเทศบาลนครยะลา ถ้าหากมาจากเส้นสะพานสูงมาพ้น สี่แยกไฟแดงเทศบาล 5 เลยมา 500 เมตร จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือจะเจอกับบ้านขนมหวานเสมอภพ และถ้ามาจากเส้นคุรุ ถึงสี่แยกไฟแดงซอย 24 ร้านจะอยู่ขวามือ นอกจากนี้ ร้านบ้านขนมหวานเสมอภพ ยังมีขนมหวานขายหน้าร้านหลานหลายให้เลือกอีกด้วย ในราคาเริ่มต้น 10 บาทขึ้นไป ใครสนใจอยากไปลิ้มลองหรืออุดหนุน ได้ ร้านเปิด เวลา 09.00 - 21.00 น.หรือติดต่อได้ที่ 085-670-5835
28/9/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928114118174
247,519
ส.ปชส.ตราด ประชาสัมพันธ์ มาตรการสร้างรายได้การท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันนี้ (28 ก.ย.66) สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด รายงานว่า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสําคัญ เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นกุญแจดอกแรกในการสร้างรายได้ที่ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับประชาชนเป็นจํานวนมาก สําหรับมาตรการการท่องเที่ยวนี้สามารถสะท้อนถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยม ของนักท่องเที่ยว จากทั่วทุกมุมโลกได้ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยฟื้นตัวกว่า 80% ของช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว เหลือแค่นักท่องเที่ยวจีน ที่ยังฟื้นตัวไม่ถึง 30% โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทย 1.85 ล้านคนเท่านั้น ตั้งเป้าปีนี้จะดึงนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ 5 ล้านคน หนึ่งในมาตรการ คือ มาตรการเชิงรุกด้านการอํานวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Traveling) ผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) สําหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 18 กันยายน 2566 ซึ่งทั้งสองตลาด ถือเป็นตลาดศักยภาพและมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสําคัญต่อการฟื้นฟูภาพรวมการท่องเที่ยวไทยคาดการณ์วันชาติจีน นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 21 ล้านคน ในช่วงวันหยุดยาว “โกลเด้น วีค” ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. ถึง 6 ต.ค. ตรงกับเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติจีน จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจํานวนมาก เพราะเป็นช่วงหยุดยาว คาดว่าจะมีนักเดินทางจํานวนกว่า 21 ล้านคนพึ่งพา เที่ยวบินต่าง ๆ ตลอดวันหยุดยาว 8 วันนี้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จะสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ให้เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 4.01 – 4.4 ล้านคนในปี 2566 และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 257,500 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในช่วง 5 เดือนที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีจํานวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 2,888,500 คน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2562 ขณะที่คาดว่านักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะเดินทางเข้าประเทศไทยจํานวน 150,000 คนในปี 2566 และคาดว่าในช่วง 5 เดือนของการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจํานวนประมาณ 129,485 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ประมาณ 7,930 ล้านบาทมาตรการดังกล่าวจะช่วยคลี่คลายข้อจํากัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทั้งเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่าย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มทัวร์ และกลุ่ม Incentive ประกอบกับช่วงเวลาดําเนินมาตรการถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ครอบคลุมช่วง Golden week ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ จะยิ่งช่วยผลักดันสู่เป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ของปี 2566 จํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 - 30 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ให้กลับมาในอัตราร้อยละ 80 ของปี 2562 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาทข้อมูล ณ วันที่ 25 กันยายน 2566 พบว่าไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งสัปดาห์ (18-24 ก.ย.66) มีจํานวนทั้งสิ้น 481,404 คน คิดเป็นจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 68,772 คน ทําให้จํานวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 19,499,116 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 815,597 ล้านบาท โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด จํานวน 78,042 คน รองลงมา ได้แก่ จีน (61,728 คน) อินเดีย (30,679 คน) เกาหลีใต้ (29,856 คน) และลาว (24,470 คน)
28/9/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928131536197
247,520
ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงลงพื้นที่บ้านท่าเชียด อำเภอตะโหมด ในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
วันนี้ (28 ก.ย.66) นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยนายชัชชลิต บุญศิริ นายอําเภอตะโหมด ลงพื้นที่โครงการหนึ่งตําบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน(Sustainable Village) เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หมู่ที่ 3 ตําบลคลองใหญ่ อําเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง เนื่องในวาระที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ 36 พรรษา ในวันที่ 8 มกราคม 2566 และทรงมีแนวพระราชดําริให้กระทรวงมหาดไทยดําเนินการพัฒนาเพื่อให้ทุกหมู่บ้าน ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย "หมู่บ้านยั่งยืน" (Sustainable Vilage) ซึ่งกรมการปกครองได้น้อมนําแนวพระราชดําริดังกล่าวมาดําเนินการขับเคลื่อน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในหมู่บ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ตีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ําทางเศรษฐกิจและสังคมพร้อมทั้งขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ด้วยการน้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ภายใต้เป้าหมายการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สร้างให้เกิดการพึ่งพาตนเองสําหรับวันนี้ ลงพื้นที่บ้านท่าเชียด หมู่ที่ 3 ตําบลคลองใหญ่ อําเภอตะโหมด โดยมีนายสมชาติ สุขปักษา ประธานกลุ่มธนาคารแพะเนื้อแบบเลี้ยงหวะ บ้านท่าเชียดพร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ แพะเนื้อเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันเพิ่มมากขึ้น หลังจากตลาดแพะเนื้อขยายกว้างมากขึ้น สืบเนื่องจากคนจํานวนมากเริ่มหันมาบริโภคเนื้อแพะกันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ดี วิธีการเลี้ยงแพะเนื้อนั้นมีหลากหลาย วิธีหนึ่งที่ตําบลคลองใหญ่และตําบลแม่ขรี อําเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง นิยมคือ วิธีเลี้ยงหวะ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง จึงผลักดันให้เกิด “โครงการธนาคารแพะเนื้อแบบเลี้ยงหวะ” หรือ “ธนาคารแพะเนื้อแบบเลี้ยงหวะ” ขึ้น เพื่อพัฒนาคนกลุ่มนี้ให้มีอาชีพของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเอกสารสิทธิ์ทํากิน หรือไม่ต้องพึ่งพาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาครัฐ ด้วยการให้คนกลุ่มนี้สร้างอาชีพแบบรวมกลุ่มตามบริบทของตนเอง โดยเน้นการบริหารจัดการด้วยตนเองแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และสร้างความเข้มแข็งในกลุ่ม แม้จะไม่ได้รับสิทธิต่างๆ จากหน่วยงานรัฐ ซึ่งคณะทํางานตั้งกลุ่มเป้าหมายแรกเริ่มไว้ที่จํานวน 70 คน ซึ่งตอนนี้มีกลุ่มสมาชิกฟาร์มทั้งหมด 11 ฟาร์ม มีแพะจํานวน 116 ตัว แต่การเลี้ยงแพะเนื้อแบบเลี้ยงหวะมีข้อเสียอยู่ตรงที่หากคนในกลุ่มไม่มีเงินซื้อแพะ กระบวนการทุกอย่างก็จะหยุดชะงัก คณะทํางานจึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา โดยใช้วิถีชีวิตซึ่งเป็นทุนดั้งเดิมของกลุ่มเป้าหมายเป็นฐานราก จนตกผลึกออกมาเป็นระบบการเลี้ยงแพะเนื้อแบบเลี้ยงหวะที่มีความคล้ายคลึงกับระบบธนาคาร ทําให้ผู้ที่มีทุนน้อยก็สามารถร่วมลงทุนได้ และสะสมเป็นเงินก้อนเพื่อไปซื้อแพะมาเลี้ยงอีกทอดหนึ่ง โดยวิธีการเลี้ยงแพะเนื้อแบบเลี้ยงหวะคือ การเลี้ยงแพะที่เน้นการพึ่งพาอาศัยกัน คนที่มีเงินทุนก็จะซื้อลูกแพะมาให้คนที่ไม่มีเงินทุนเลี้ยง เมื่อแพะโตเต็มที่ ก็ค่อยนําไปขาย จากนั้นผู้เลี้ยงจึงนําเงินมาแบ่งปันให้กับผู้ซื้อแพะ ขณะเดียวกันหลังจากนางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย นายชัชชลิต บุญศิริ นายอําเภอศรีตะโหมด ได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านถึงผลการดําเนินงานและรับทราบปัญหา พร้อมพูดคุยหาทาออกเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว เพื่อให้เกิดการเลี้ยงแบบยั่งยืนในอนาคต
28/9/2023
ภาคใต้
พัทลุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928164216320
247,521
กระทรวงพาณิชย์ ประชุมเจรจาจัดทํา FTA ร่วมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รอบที่ 4
นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเจรจาจัดทํา FTA ร่วมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)รอบที่ 4 ว่า ยูเออีถือเป็นประตูสําคัญที่จะนําไปสู่การขยายตัวการตลาดในตะวันออกกลางทั้งหมด หากความสัมพันธ์ระหว่างไทยและยูเออีมีความคืบหน้าที่ดีจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย โดยการจัดประชุมรอบที่ 4 ถือว่ามีความคืบหน้า ร้อยละ 70 ซึ่งการเจรจา ประกอบด้วยการประชุมคณะกรรมการ เจรจาการค้าระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนสองฝ่าย เพื่อกํากับดูแลติดตามภาพรวมการเจรจาและการประชุมคณะทํางาน กลุ่มย่อย 5 คณะ ได้แก่ การค้าสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า กฎหมายและสถาบัน กฎถิ่นกําเนิด สินค้า การค้าบริการและการค้าดิจิทัล ทั้งนี้ สามารถหาข้อสรุปเบื้องต้น ในคณะทํางานกลุ่มย่อยอื่นๆ ได้แล้ว อาทิ พิธีการศุลกากรและการอํานวยความสะดวกทางการค้า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ MSMEs ทรัพย์สินทางปัญญา การลงทุน มาตรการที่เป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า และมาตรการสุขอนามัย ทั้งนี้ยังมีบางประเด็นที่ยังต้องพูดคุยกันต่อไป เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายต้องหารือภายในประเทศของตนเองก่อน ในส่วนประเทศไทย ต้องคํานึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นประโยชน์ที่จะได้รับและข้อจํากัดต่างๆ ซึ่งจะต้องหารือกับภาคเอกชนในแต่ละภาคส่วนต่อไป ทั้งนี้ตั้งเป้าจะสามารถปิดการเจรจาได้ภายในสิ้นปีนี้ ( 2566 )
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928195501390
247,522
มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนจัดงานสัมมนา Andaman Sustainable Tourism Forum เพื่อวางเป้าการออกแบบยุทธศาสตร์การดำเนินการให้ภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวยั่งยืนภายในปี 2569
วันนี้ (28 ก.ย.66) เวลา 09.00 น. ณ ชั้น 7 โรงแรมรามาด้า เจ้าฟ้า นายอํานวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวต้อนรับ นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานเปิดงานสัมมนา Andaman Sustainable Tourism Forum โดยมีดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา, นางน้ําฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการนโยบายและแผนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, รศ.ดร. ธีรณี อจลากุล ผู้อํานวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่(องค์การมหาชน), นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, นายภูมิกิตติ์ รักแต่งามประธานมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน, นายประชา อัศวธีระ ผู้อํานวยการเขตพื้นที่ภาคใต้ สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อํานวยการฝ่ายไมซ์อินเทลลิเจนและนวัตกรรม สสปน., นายพิทยา ปราโมทย์วรพันธุ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ,นายธาดา วรุณโชติกุล ผู้จัดการสํานักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ํา องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐเอกชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมนายอํานวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า "ในขณะนี้ทั่วโลกได้ให้ความสนใจในการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม และปลูกฝังให้ใส่ใจในการพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน(Sustainable Tourism) และการท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบ (Responsible Tourism) จังหวัดภูเก็ต ได้เริ่มออกแบบยุทธศาสตร์การดําเนินการให้ภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวยั่งยืนภายในปี 2569 จากการที่มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน ได้เริ่มต้นโปรเจ็ค Food (Before) Waste ขึ้น ถือเป็นโอกาสอันดีที่เป็นการจุดประกายให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้"โอกาสนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมลงนามกรอบความร่วมมือการทํางานเพื่อพัฒนาข้อมูล Sustainable Tourism Data Intelligence ด้วย และภายในงานได้มีการเสวนาเรื่อง “มิติความยั่งยืน ESG กับการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย” และเรื่อง “ปลุกเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศไทย” มีการบรรยายเรื่อง “รอยเท้าคาร์บอนในการท่องเที่ยว” ในประเทศไทย และการบรรยายสถานการณ์ขยะพลาสติกในทะเลไทยในปัจจุบัน และภาคบ่ายเป็นภาคภาษาอังกฤษ ในหัวข้อ “Tone from the Top” Showcases & Suggestion to Policy Makers, Sharing Idea Session “what we talk, when we talk about Sustainable Tourism”, Discussion Panel Session “Turning Thailand to Sustainable MICE Destination”และ Workshop on assessing Carbon Footprint of Organization โดยการจัดกิจกรรมได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมจํานวน 400 คน เป็นอย่างดี
28/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928170326334
247,523
มาตรการฟรีวีซ่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สํานักงานเชียงใหม่ (ททท.เชียงใหม่) เปิดเผยถึงสถานการณ์และแนวโน้มการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ภายหลังรัฐบาลเห็นชอบมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราชั่วคราวสําหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.66 - 29 ก.พ. 67 ระยะเวลารวม 5 เดือน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างมาก เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้ ททท.เชียงใหม่ เตรียมพร้อมทุกด้านเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ในช่วงเดือนตุลาคมที่กําลังจะมาถึงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่คาดการณ์ว่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20-30 จากที่เดิมที่คาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2566 จะมีจํานวนทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านคนเศษขณะที่ภาพรวมนักท่องเที่ยวที่บินตรงมายังจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม - สิงหาคม มากที่สุดคือ นักท่องเที่ยวจีน รองลงมาเป็นตลาดระยะใกล้ที่มีเที่ยวบินตรงมาเชียงใหม่ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว รวมถึงเอเชียตะวันออก ไต้หวัน ฮ่องกง
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928195124388
247,524
ภาพรวมการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 วันแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อํานวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า วันนี้ (28 กันยายน 2566) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้เริ่มเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) แบบ Soft Opening เป็นวันแรก ซึ่งในภาพรวมการให้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ และสายการบินไทยเวียตเจ็ต ให้บริการรวมทั้งสิ้น 11 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารรวมประมาณ 2,836 คน ทั้งนี้ ในช่วงเดือนแรกของการเปิดให้บริการฯ(ระหว่างวันที่ 28 กันยายนถึง 28 ตุลาคม 2566) ทสภ. คาดการณ์จํานวนเที่ยวบินขาเข้าและขาออก ของทั้ง 2 สายการบิน รวม 514 เที่ยวบิน เฉลี่ย 16 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารรวม 142,761 คนเฉลี่ยประมาณ 4,605 คนต่อวันโดยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ให้บริการเส้นทางไป-กลับประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว, โอซากา, ซัปโปโร) ประเทศเกาหลีใต้ (กรุงโซล) และประเทศจีน (นครเซี่ยงไฮ้) สายการบินไทยเวียตเจ็ท ให้บริการเส้นทางไป-กลับประเทศสิงคโปร์ เส้นทางไปประเทศเวียดนาม (นครโฮจิมินห์) และเส้นทางกลับจากไต้หวัน (ไทเป)และในระยะต่อไปจะมีสายการบินอื่นๆ ให้บริการ ณ อาคาร SAT-1 เพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้ มีหลายสายการบินแจ้งความประสงค์ที่จะทําการบิน ณ อาคารเทียบเครื่องบินรองแห่งใหม่นี้สําหรับ อาคาร SAT-1 ให้บริการเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ โดยมีความพร้อมให้บริการผู้โดยสารใกล้เคียงกับอาคารผู้โดยสารหลักทั้งสิ่งอํานวยความสะดวก ร้านอาหาร ห้องรับรองผู้โดยสารที่รอขึ้นเครื่อง (Lounge) และร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) เช่น สินค้าประเภทน้ําหอม เครื่องสําอาง ของที่ระลึก ของใช้ส่วนตัวเป็นต้น อย่างไรก็ตาม ร้านค้าแบรนด์เนมยังคงให้บริการเฉพาะในอาคารผู้โดยสารหลัก สําหรับผู้โดยสารขาออกควรเผื่อเวลาเล็กน้อย ในการเดินทางไปยังอาคาร SAT-1 ซึ่งใช้การโดยสารด้วยระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover Station : APM) ต่อด้วยการเดินไปยังประตูทางออกขึ้นเครื่องอย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้(29 ก.ย.) เวลาประมาณ 10.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการแบบ Soft Opening อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีกครั้ง
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928195819391
247,525
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชน
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม มีนโยบายการกําหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอัตรา 20 บาทตลอดสาย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน โดยจะเร่งรัดดําเนินการทันทีในเส้นทางที่ภาครัฐเป็นผู้เก็บค่าโดยสาร ซึ่งครอบคลุมถึงรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ของ รฟม. ด้วยนั้น ล่าสุดในวันนี้ (28 กันยายน 2566) ที่ประชุมบอร์ด รฟม.มีมติเห็นชอบในแนวทางการกําหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง 20 บาท ตลอดสาย รวมถึงหลักการกําหนดส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายอื่นๆ คาดว่าเริ่มได้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป โดยกําหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เป็นสูงสุดไม่เกิน 20 บาท จากอัตราค่าโดยสารปัจจุบันสูงสุด 42 บาท ตลอดระยะเวลาเปิดให้บริการ 05.30 น. – 24.00 น. ทั้งนี้ เด็ก/ผู้สูงอายุ จะได้รับส่วนลดร้อยละ 50 และนักเรียน/นักศึกษา จะได้รับส่วนลดร้อยละ 10 จากอัตราค่าโดยสารใหม่ส่วนการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ําเงิน ผู้โดยสารยังคงได้รับส่วนลดการเปลี่ยนถ่ายระบบในอัตราปัจจุบันและการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงและรถไฟชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดง) (ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท.) กําหนดอัตราค่าโดยสารของทั้ง 2 สาย สูงสุดไม่เกิน 20 บาท โดยจะต้องเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที และใช้บัตรโดยสารใบเดียวกันนอกจากนี้ การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ผู้โดยสารจะได้รับส่วนลด เมื่อเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ภายในระยะเวลา 30 นาที และใช้บัตรโดยสารใบเดียวกัน ทั้งนี้ ปัจจุบัน รฟม. ยังอยู่ระหว่างติดตามตรวจสอบความพร้อมและความเหมาะสมในภาพรวมทั้งหมดของโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ก่อนกําหนดวันเปิดให้ประชาชนร่วมทดลองโดยสารฟรี และกําหนดวันเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ รฟม. จะนําเสนอแนวทางการกําหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง และส่วนลด การเปลี่ยนถ่ายระบบดังกล่าว ให้กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป
28/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230928195318389
247,526
ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เชื่อมั่นแนวโน้มการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีทิศทางที่ดีขึ้น
พลตํารวจตรีอํานาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือปัญหาการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า จากสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึงวันที่ 17 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตํารวจได้รับแจ้งเหตุเกี่ยวกับคดีความผิดทางออนไลน์ คนร้ายหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ เช่น หลอกจําหน่ายสินค้าบริการ หลอกโอนเงิน หลอกกู้เงิน รวมไปถึงหลอกให้มีการลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ที่รับแจ้งในระบบถึง 329,678 คดี รวมมูลค่าความเสียหายถึง 45,557 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายหรือความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านและตามแนวชายแดนอย่างเป็นรูปธรรม จึงทําให้เกิดความล่าช้าในการอายัดบัญชีของผู้เสียหาย แต่หลังจากพระราชกําหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้อํานาจหน่วยงานรัฐ-สถาบันการเงินแลกเปลี่ยนข้อมูล มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพิ่มความเข้มงวดการเปิดบัญชีม้า และซิมเถื่อน ทําให้สามารถติดตามคดีและช่วยยับยั้งการอนเงินเป็นทอดได้เร็วขึ้น นอกจากนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงอยู่ระหว่างการร่วมมือกับสถานบันการเงินในการยกระดับการอายัดเงินของผู้เสียหายทั้งระบบก่อนที่เงินจะไปอยู่ปลายทางของคนร้าย พลตํารวจตรีอํานาจ ไตรพจน์ กล่าวด้วยว่า การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากรัฐบาลไทยได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามแนวชายแดนในทั้งกัมพูชา และเมียนมาในการปราบปรามอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ประกอบกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ป้องกันภัยด้วยการ ไม่เชื่อ ไม่รีบ และไม่โอน จะทําให้การดําเนินการป้องกันและความเสียหายทางคดีออนไลน์ลดลง ทั้งนี้หากเกิดเหตุประชาชนต้องรีบแจ้งอายัดเงินทันที หรือสามารถขอคําแนะนําได้ที่สายด่วน 1441
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929141804523
247,527
ก.ล.ต. เตือนประชาชนระวังถูกหลอกลวง ลงทุน หลังพบผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต เปิดบูธชักชวนให้ร่วมลงทุน
สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้องว่า พบผู้ประกอบธุรกิจด้านหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากต่างประเทศเข้ามาชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนหรือใช้บริการ โดยการออกบูธในงานแสดงเทคโนโลยีทางการเงิน ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการกระทําดังกล่าวและเก็บหลักฐาน พร้อมประสานงานและขอความร่วมมือผู้จัดงานดังกล่าว ให้ระมัดระวังการออกบูธของผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะอาจเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนการกระทําผิดด้วย พร้อมขอเตือนประชาชนและผู้ลงทุนให้ระมัดระวังการใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากต่างประเทศ เนื่องจากจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย และยังมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงทั้งนี้ ประชาชนและผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตได้ที่ www.sec.or.th หรือทางแอปพลิเคชัน “SEC Check First” และหากมีเบาะแสเกี่ยวกับการดําเนินการที่น่าสงสัย แจ้งที่ “ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.” โทร. 1207 ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีการกระทําอันเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายภายใต้การกํากับของ ก.ล.ต. อาจถูกดําเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจําคุกและปรับ
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929141231516
247,528
กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมฟื้นฟูคลองวัดนางสาว พร้อมเร่งตรวจโรงงานอย่างเข้มข้น ยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมสีเขียว
นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดําเนินการตรวจโรงงานทั่วประเทศอย่างเข้มงวด ตามเงื่อนไขและข้อกฎหมายการประกอบกิจการอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการมีการประกอบการที่ดี ลดข้อขัดแย้ง และขจัดปัญหาข้อร้องเรียนของชุมชนและสังคม สร้างสมดุลให้โรงงานรักชุมชน ชุมชนรักโรงงาน โดยที่ผ่านมาสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์การบริหารส่วนตําบลท่าไม้ เครือข่ายภาคประชาชน และโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ในพื้นที่ จํานวน 13 แห่ง ร่วมฟื้นฟูพื้นที่คลองวัดนางสาว มีการยกระดับโรงงานให้เป็นอุตสาหกรรมสีเขียว และเข้าร่วมกิจกรรมธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม อีกทั้งได้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ําทิ้งของทุกโรงงาน มีการยกปลายท่อน้ําทิ้งให้อยู่ในระดับที่สามารถมองเห็นและเก็บตัวอย่างเพื่อการตรวจสอบได้ สร้างความมั่นใจให้กับคนในชุมชน พร้อมการติดตั้งเครื่องตีน้ําเติมอากาศให้กับแหล่งน้ํา ส่งผลให้แหล่งน้ําชุมชนสามารถกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมขยายผลไปยังแหล่งน้ําลําคลองอื่น ๆ ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้จังหวัดสมุทรสาครสามารถบรรลุการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศได้
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929114918472
247,529
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้สถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง Jet A1 รอบ 8 เดือนของปี 2566 ขยับขึ้นถึงร้อยละ 70
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยภาพรวมการใช้น้ํามันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566 อยู่ที่ 154.88 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.3 โดยการใช้น้ํามันกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 น้ํามันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวกลับมาเดินทางทางอากาศยานเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาจากช่วงเดือนที่ผ่านมาปริมาณการใช้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย และการใช้ NGV เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ขณะที่ น้ํามันกลุ่มดีเซล ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.9ทั้งนี้ ภาครัฐยังคงมาตรการช่วยเหลือราคาน้ํามันดีเซล โดยใช้มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ํามันดีเซลจนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 และตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 จะใช้มาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ํามันดีเซลไว้ที่ 32 บาทต่อลิตร ต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง โดยกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิง จะเข้าไปชดเชย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจภายใต้สถานการณ์ราคาน้ํามันดีเซลโลกมีความผันผวนจากความกังวลทางเศรษฐกิจและวิกฤตด้านการเงินจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯสําหรับการนําเข้าน้ํามันเชื้อเพลิง เดือนมกราคม - สิงหาคม 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,042,520 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.3 คิดเป็นมูลค่าการนําเข้ารวม 92,532 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนําเข้าน้ํามันดิบอยู่ที่ 968,409 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 คิดเป็นมูลค่าการนําเข้าน้ํามันดิบอยู่ที่ 87,481 ล้านบาท/เดือน สําหรับการนําเข้าน้ํามันสําเร็จรูป (น้ํามันเบนซินพื้นฐาน น้ํามันดีเซลพื้นฐาน น้ํามันเตา น้ํามันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 74,111 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 คิดเป็นมูลค่าการนําเข้าน้ํามันสําเร็จรูปอยู่ที่ 5,051 ล้านบาท/เดือน ส่วนการส่งออกน้ํามันสําเร็จรูป เดือนมกราคม - สิงหาคม 2566 เป็นการส่งออกน้ํามันเบนซิน น้ํามันดีเซล น้ํามันเตา น้ํามันอากาศยาน น้ํามันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกอยู่ที่ 164,378 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 3.0 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 16,500 ล้านบาท/เดือน
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929141010511
247,530
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้สถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง Jet A1 รอบ 8 เดือนของปี 2566 ขยับขึ้นถึงร้อยละ 70
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยภาพรวมการใช้น้ํามันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566 อยู่ที่ 154.88 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.3 โดยการใช้น้ํามันกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 น้ํามันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวกลับมาเดินทางทางอากาศยานเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อพิจารณาจากช่วงเดือนที่ผ่านมาปริมาณการใช้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย และการใช้ NGV เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ขณะที่ น้ํามันกลุ่มดีเซล ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.9ทั้งนี้ ภาครัฐยังคงมาตรการช่วยเหลือราคาน้ํามันดีเซล โดยใช้มาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ํามันดีเซลจนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 และตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 จะใช้มาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ํามันดีเซลไว้ที่ 32 บาทต่อลิตร ต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง โดยกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิง จะเข้าไปชดเชย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจภายใต้สถานการณ์ราคาน้ํามันดีเซลโลกมีความผันผวนจากความกังวลทางเศรษฐกิจและวิกฤตด้านการเงินจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯสําหรับการนําเข้าน้ํามันเชื้อเพลิง เดือนมกราคม - สิงหาคม 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,042,520 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.3 คิดเป็นมูลค่าการนําเข้ารวม 92,532 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนําเข้าน้ํามันดิบอยู่ที่ 968,409 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 คิดเป็นมูลค่าการนําเข้าน้ํามันดิบอยู่ที่ 87,481 ล้านบาท/เดือน สําหรับการนําเข้าน้ํามันสําเร็จรูป (น้ํามันเบนซินพื้นฐาน น้ํามันดีเซลพื้นฐาน น้ํามันเตา น้ํามันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 74,111 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 คิดเป็นมูลค่าการนําเข้าน้ํามันสําเร็จรูปอยู่ที่ 5,051 ล้านบาท/เดือน ส่วนการส่งออกน้ํามันสําเร็จรูป เดือนมกราคม - สิงหาคม 2566 เป็นการส่งออกน้ํามันเบนซิน น้ํามันดีเซล น้ํามันเตา น้ํามันอากาศยาน น้ํามันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกอยู่ที่ 164,378 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 3.0 คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 16,500 ล้านบาท/เดือน
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929140903509
247,531
กรมการค้าภายใน เผยภาพรวมสถานการณ์สินค้าหลายรายการราคาทรงตัว พร้อมเตรียมปรับลดราคาสินค้าหลายรายการลงตามนโยบายรัฐบาล
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยสถานการณ์ราคาสินค้า ว่า ราคากลุ่มสินค้าการเกษตรสัปดาห์นี้ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ราคา 15,000 บาท/ตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี 13,400 บาท/ตัน โดยยังคงขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาจําหน่าย ส่วนมันสัปหลังและข้าวโพดมีการปรับขึ้นราคาเล็กน้อย ด้านราคาสินค้าอาหารสด หมูเนื้อแดง ราคา 128บาท/กิโลกรัม ไข่ไก่ เบอร์3 ราคาเฉลี่ย 4 บาท/ฟอง ขณะที่สินค้าอื่นๆ ยังมีการจัดโปรโมชั่นตามห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง สําหรับการขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ลดราคาสินค้า เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล หลังจากที่ได้ลดต้นทุนราคา ค่าไฟฟ้า และน้ํามันดีเซลแล้ว โดยจะมีทั้งการจัดมหกรรมธงฟ้าขายสินค้าราคาประหยัด การจัดรถเคลื่อนที่ขายสินค้าตามจุดต่างๆทั่วประเทศ การเปิดจุดขายสินค้าราคาถูก และการลดราคาสินค้าที่ขายในห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างท้องถิ่นต่างๆ ร้านสะดวกซื้อ ที่จะครอบคลุมกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค บริการ และการค้าออนไลน์ ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ต.ค.นี้ จะแถลงความคืบหน้าการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนต่อไปสําหรับราคาปุ๋ยเคมียังคงทรงตัวดีทั้งไทยและต่างประเทศ โดยต้องติดตามราคาพลังงานในตลาดโลก อาทิ น้ํามันดิบที่มีการปรับตัวขึ้น ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยยังคงทรงตัวในระดับที่ดีและความต้องการใช้ปุ๋ยในตลาดโลกลดลงเนื่องจากพ้นฤดูกาลเพาะปลูก และในไทยเริ่มชะลอ เพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929113650463
247,532
อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดปี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธิเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ SAT-1 (แซ็ดวัน) แบบ Soft Opening ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสําคัญกับการพัฒนาท่ากาศยานไทยทั่วประเทศ ให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็น 1 ในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จุดประกายให้เครื่องยนต์ทาง เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ทั้งนี้การพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างงาน สร้างอาชีพ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน การเปิดให้บริการอาคาร SAT-1 ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดปี ควบคู่กับการเปิดรันเวย์ตอนที่ 3 ในกลางปีหน้า เชื่อว่าการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การบินของภูมิภาค รองรับการค้าการลงทุนในระยะยาว สร้างเศรษฐกิจให้ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ ยังฝากถึงผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลการบริการในสนามบินให้เพียงพอต่อการรองรับผู้โดยสารที่จะเข้ามาจํานวนมาก เพื่อสร้างประทับใจ ทําให้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ยืนยันรัฐบาลให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวในทุกมิติ ทําให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่การท่องเที่ยวและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสําหรับอาคาร SAT-1 เป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลักด้วยอุโมงค์ใต้ดิน ภายในอาคารมีการตกอต่งเป็นแบบผสมผสาน ระหว่างสถาปัตยกรรมและศิลปะ สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย พร้อมนําเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้บริการนักท่องเที่ยว อาทิ รถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยที่สุด ปัจจุบันอาคาร SAT-1 ได้ผ่านการทดลองปฏิบัติการ ความพร้อมระบบ มีบุคลากรที่ผ่านการอบรมตามเกณฑ์มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี สัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ จะมีสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ให้บริการวันละประมาณ 14 เที่ยวบิน และสายการบินไทยเวียตเจ็ทให้บริการวันละประมาณ 4 เที่ยวบิน จะเพิ่มจํานวนเที่ยวบิน รวมถึงสายการบินจนเต็มศักยภาพปลายปี 2566
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929141427517
247,533
จังหวัดตรัง พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจีน หลังรัฐบาลยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว (VISA Free) มั่นใจจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดตรังได้เป็นอย่างดี
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากการหารือ นางอู๋ ตงเหมย กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําจังหวัดสงขลา ประเด็นแนวทางการค้า การลงทุน โครงการสนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐและภาคเอกชนของจังหวัดตรังไปฝึกอบรมที่ประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาในอนาคตอันใกล้ ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยขอให้จังหวัดตรังได้ช่วยดูแลนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากจังหวัดตรัง เป็นจุดหมายปลายทางสําคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทั้งนี้ จังหวัดตรัง เตรียมความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว มาตรการดูแลความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งได้มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุมาอย่างต่อเนื่อง มีระบบการแพทย์ทางไกล ระบบส่งต่อผู้ป่วย รวมถึงมัคคุเทศก์ภาษาจีน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังรัฐบาลยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวสําหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเป็นการชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ เป็นเวลา 5 เดือนตามนโยบายรัฐบาล มั่นใจจะช่วยสนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดตรังและประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
29/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929114442470
247,534
ผู้ว่า ธปท. ชี้ เหตุขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา เพื่อคุมเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงไม่ให้กระทบความเป็นอยู่ประชาชน พร้อมเข้าพบนายกฯ 2 ต.ค. นี้
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความจําเป็นของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา โดยเป็นการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ว่า เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หากควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบไม่ได้ จะกระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะเดียวกันจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยต่ํากว่าคาดการณ์ เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาภาคการท่องเที่ยวจึงฟื้นตัวได้ช้า ปัจจุบันจากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จึงควรหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ต้องพิจารณาว่าหากให้ดอกเบี้ยกลับสู่ขาลงนั้น ควรอยู่ในระดับใดจึงจะเหมาะสมทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยดูจาก 3 ปัจจัยหลักคือ อัตราการเติบโตของจีดีพี เงินเฟ้อต้องอยู่ในกรอบ และความสมดุลทางการเงิน แต่หากแนวโน้มข้างหน้าเปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะสําคัญ ซึ่งมีหลายสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ รวมทั้งความผันผวนในตลาดยังสูง จําเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะที่ค่าเงินบาทในปัจจุบันยังคงผันผวน กระทบเงินเฟ้อทางอ้อมด้วย นอกจากนี้ ยังเชื่อว่ามาตรการของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้ ส่วนเงินเฟ้อปัจจุบันยังอยู่ในกรอบ แต่ยังมีความกังวล จากสภาวะเอลนีโญ ราคาน้ํามันที่เพิ่มสูงขึ้น เศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวได้ช้า ค่าแรงขั้นต่ํา และนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ ที่ 2 ตุลาคมนี้ ตนมีกําหนดเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่านายกจะหารือเรื่องอะไรบ้าง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวเรื่องการปลดผู้ว่าฯ ธปท. หรือไม่นั้น นายเศรษฐพุฒิ ไม่ได้ตอบคําถาม ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเรื่องการปลดผู้ว่า ธปท. ซึ่งนายเศรษฐาได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เคยมีความคิดเรื่องดังกล่าว
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929140509508
247,535
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา เผยหากมีสนามบินพังงาจะส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดพังงา
นายเลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวว่า สําหรับเรื่องโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ในพื้นที่จังหวัดพังงา ถ้าหากเกิดขึ้นจริง สิ่งที่จังหวัดพังงาจะได้รับประโยชน์ คือ 1.จะลดความหนาแน่นของสนามบินภูเก็ตและกระบี่ 2. สามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวและเที่ยวบินเข้ามาในพื้นที่ของกลุ่มอันดามันและจังหวัดพังงา และ 3. ทําให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ อยากฝากให้รัฐบาลส่งเสริมระบบการขนส่งสาธารณะให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เช่น รถไฟฟ้าประจําทาง ฯลฯ ทั้งนี้เพื่ออํานวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจังหวัดพังงา เพิ่มมากขึ้น
29/9/2023
ภาคใต้
พังงา
สวท.ตะกั่วป่า จ.พังงา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929131113484
247,536
ผู้ว่าฯ อยุธยา เปิดกิจกรรม "ตักบาตรน้ำผึ้ง" ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนภูเขาทอง ภายใต้แนวความคิด “พหุวัฒนธรรม ทุนวัฒนธรรมทุ่งภูเขาทอง”
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ก.ย.66 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดกิจกรรมตักบาตรน้ําผึ้ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนภูเขาทอง ซึ่งจัดขึ้นบริเวณรอบเจดีย์ภูเขาทองวัดภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี ดร.ชูสิทธิ์ ประดับเพชร อธิการบดี มรภ.พระนครศรีอยุธยา และภาควิชาการท่องเที่ยวให้การต้อนรับ ซึ่งกิจกรรมที่จัดนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ในการฟื้นฟูทุนวัฒนธรรมทุ่งภูเขาทอง ด้วยการนําประเพณีโบราณ “ตักบาตรน้ําผึ้ง” มาเป็นจุดขายของงาน ภายใต้แนวความคิด “พหุวัฒนธรรม ทุนวัฒนธรรมทุ่งภูเขาทอง” เพื่อถ่ายทอดเรื่องเล่า ตํานาน ความเชื่อและสิ่งศักดิ์ ผ่านวิถีชีวิตคนทุ่งภูเขาทอง นําไปสู่สร้างกลไกการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนาทุนวัฒนธรรมด้วยการจัดเทศกาลวัฒนธรรม โดยในงานมีการละเล่นพื้นบ้าน การจําหน่วยสินค้าทางวัฒนธรรมและอาหารพื้นถิ่นในตลาดทุนวัฒนธรรม อาหาร ของฝากของที่ระลึก และกิจกรรมสร้างสรรคจากอัตลักษณ์พื้นถิ่นทุ่งภูเขาทอง เช่น ลูกบอม ลอดเตียง ปลาแนม ละอองฟ้า และการเสวนาประวัติประเพณีตักบาตรน้ําผึ้ง ประเพณีแห่งความศรัทธาจากพุทธกาลสู่ปัจจุบัน ย้อนรอยวิถีชีวิตพหุวัฒนธรรมในกรุงศรีฯ ภูมิลักษณ์กับประวัติศาสตร์และประเพณีในทุ่งภูเขาทอง นายนิวัฒน์ กล่าวว่า กิจกรรมลักษณะนี้อยากให้นําไปต่อยอดและขยายอย่างจริงจัง อันจะนํามาซึ่งประโยชน์กับท้องถิ่นชุมชน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย โดยผู้ว่าได้เยี่ยมชมร้านค้าชุมชนและช่วยชาวบ้านขายสินค้าเป็นที่ประทับใจชาวบ้านอย่างมาก
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
พระนครศรีอยุธยา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929132337487
247,537
นายกรัฐมนตรี ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงจังหวัดภูเก็ต ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต หลังจากที่เมื่อวันที่ 25 -26 สิงหาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่เร่งรัดการเตรียมความตามนโยบายคลิก-วิน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด ทั้งนี้ในการปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดภูเก็ต-พังงา นายกรัฐมนตรีใช้รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีขาวคันเดิมทะเบียน ขง 4477 ภูเก็ต ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่ใช้ลงพื้นที่ภูเก็ตครั้งที่ผ่านมา
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929145406548
247,538
นายก อบจ.สตูล ให้การต้อนรับสมาคมมัคคุเทศก์รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ต่อยอดส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียได้มากขึ้น
นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นายสามารถ เจริญฤทธิ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสตูล นายสามารถ ดอล่าห์ รองนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสตูล ร่วมต้อนรับสมาคมมัคคุเทศก์รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย จํานวน 44 คน นําโดย นาย Soo Hoo Shiou Hwa นายกสมาคมมัคคุเทศก์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อค่ําวานนี้ (28 ก.ย.66) ณ The One Boutique Hotel ถนนสตูลธานี ตําบลพิมาน อําเภอเมือง จังหวัดสตูลทั้งนี้ สมาคมมัคคุเทศก์ รัฐปีนัง ได้จัดกิจกรรมศึกษาดูงานในจังหวัดสตูล ระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน 2566 เพื่อศึกษาด้านประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยว และการพัฒนาท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในระดับท้องถิ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องจากรัฐปีนังและจังหวัดสตูลมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน โดยเฉพาะกับท่านตวนกูเด็น (พระยาภูมินารถภักดี อดีตเจ้าเมืองสตูล)สําหรับการเดินทางมาในจังหวัดสตูลครั้งนี้ ได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ คฤหาสน์กูเด็น รวมถึงการสํารวจอุทยานแห่งชาติในจังสตูล และบ่อน้ําพุร้อนตําบลทุ่งนุ้ย อําเภอควนกาหลง จังหวัดสตูลเพื่อนําแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสตูลไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับชาวปีนังและประเทศมาเลเซียได้รู้จักมากขึ้น และเข้ามาเที่ยวในจังหวัดสตูลโดยทางสมาคมมัคคุเทศก์รัฐปีนัง หวังว่าจะทําให้คณะศึกษาดูงานได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสตูลเป็นอย่างดี และสามารถประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดสตูลให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมสําหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียมากยิ่งขึ้น
29/9/2023
ภาคใต้
สตูล
สวท.สตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929135533500
247,539
ชุมชนบ้านรักไทย เข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ดี NT Youth Club ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนด้วยเทคโนโลยี
วันที่ 28 กันยายน 2566 ที่หอประชุมโรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และพันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จํากัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างผู้แทน 5 หน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ดี NT Youth Club ชุมชนบ้านรักไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วย โรงเรียนห้องสอนศึกษาในพระอุปถัมภ์ องค์การบริหารส่วน ตําบลหมอกจ่าแป่ องค์การบริหารส่วนตําบลห้วยผา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตแม่ฮ่องสอน และบริษัทโทรคมนาคม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีผู้ประกอบการวิสาหกิจ ประชาชน เยาวชนในพื้นที่ ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน พร้อมกับยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนบ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และการสื่อสารเป็นกลไกสําคัญทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีเป้าหมายการ พัฒนาจังหวัดมุ่งสู่การเป็น “แม่ฮ่องสอนเมืองแห่งความสุข ยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์” ด้วย การสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก อาทิ การเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข การพัฒนาคน สังคม และการบริหารจัดการ ภาครัฐ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ประเพณีวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ถือเป็นโอกาสอันดีของจังหวัด โดยเฉพาะชุมชนบ้านรักไทย ที่ได้เข้าร่วมเป็นชุมชนต้นแบบ โครงการเพาะพันธุ์ดี NT Yolth Club ในการเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ IT และ Socia Media อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อชุมชนเพื่อสร้างสังคมและ เศรษฐกิจในอนาคตสําหรับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จํากัด (มหาชน) หรือ NT ตระหนักถึงความสําคัญของการให้บริการโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อสังคมอย่างทั่วถึง แก่ประชาชน ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงการให้ความสําคัญกับกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและ สิ่งแวดล้อม โดยโครงการเพาะพันธุ์ดี NT Youth Club เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างยั่งยืน โดยให้การ สนับสนุนและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยี IoT ให้เกิดประโยชน์ต่อเยาวชน/ชุมชน โดยในปี 2566 NT ได้ดําเนินการตามแผนงานด้าน NT CSR ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ในโครงการเพาะพันธุ์ดี NT Youth Club ครบตามเป้าหมายในวันนี้ ทําให้มีชุมชนในโครงการครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวม 83 แห่ง โดยชุมชนบ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอนจะเป็นชุมชนในลําดับที่ 83 โดย NT ได้จัดการอบรมทักษะด้านไอที พร้อมเสริมความรู้ความเข้าใจในด้านต่างๆ ที่จะช่วยให้เยาวชนและผู้ประกอบการ สามารถนําไปใช้งาน ได้อย่างเท่าทันในยุคดิจิทัล
29/9/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929142151529
247,540
ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เสนอผลักดัน 5 โครงการโครงสร้างพื้นฐานและโครงการระบบขนส่งมวลชนให้เกิดขึ้นได้จริง เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของประเทศ ตามแนวนโยบายของรัฐบาล
ภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ต เป็นการรับฟังแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านคมนาคม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการเดินทางทางบก และทางอากาศ รองรับการท่องเที่ยว และเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคและเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่จังหวัดภูเก็ตประสบปัญญาการจราจร โดยมีทางหลวงหมายเลข 402 หมากปรก-เมืองภูเก็ต เพียงเส้นทางเดียวที่ใช้เข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งมีปริมาณจราจรสูงถึง 62,609 คันต่อวัน ภาพการจราจรหนาแน่นและอุบัติเหตุจึงเป็นปัญหาต่อการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งระบบขนส่งมวลชนโดยสาร ภายในจังหวัดมีไม่ทั่วถึงและไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ประมาณ 1,200,000 คน ทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจะนําเรียนภาพรวมความต้องโครงการโครงสร้างพื้นฐานและโครงการระบบขนส่งมวลชน ที่มีการขับเคลื่อนเดินหน้ามาแล้ว และอยู่ในระหว่างการดําเนินโครงการให้สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว และเป็นการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มั่นคงสําหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ทางจังหวัดภูเก็ต เสนอผลักดันต่อนายกรัฐมนตรี มี 5 โครงการ ได้แก่ โครงการระบบขนส่งมวลชน จังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 (ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง) และระยะที่ 2 เส้นทางช่วงท่านุ่น-เมืองใหม่ ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือรูปแบบการดําเนินโครงการที่เหมาะสมและจัดเตรียมข้อมูล เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ซึ่งหากดําเนินการได้จะทําให้มีระบบขนส่งมวลชนที่เข้าถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง 2 โครงการทางพิเศษ เมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดําเนินการศึกษาความเหมาะสม ทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม และออกแบบกรอบรายละเอียดโครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่น และติดขัด 3โครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง หรือโครงการอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง ที่อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนหลักการของโครงการอีกครั้ง ซึ่งเป็นโครงการที่จะแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่าง ตําบลกะทู้และตําบลป่าตอง ให้มีประสิทธิภาพ 4 โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจรทางหลวง หมายเลข 4027 ตอนบ้านพารา-บ้านเมืองใหม่ มีการรายงาน EIA ที่ผ่านความเห็นชอบ จากคณะกรรมการกํากับดูแลฯ ในพื้นที่คุ้มครองจังหวัดภูเก็ต โดยเป็นโครงการที่จะให้เป็นทางเลือกของผู้สัญจรบนทางหลวง หมายเลข 402 เพื่อลดความแออัดบนทางหลวง หมายเลข 402 และอํานวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้เส้นทางเข้า-ออก สนามบิน และ 5 โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับที่จุดตัด ทางหลวง 402 กับทางหลวง 4027 (แยกท่าเรือ) ที่อยู่ระหว่างการแก้ไขรายงานตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการผู้ชํานาญการอย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร แยกท่าเรือ เพื่อรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับที่จุดตัด ทางหลวง 402 กับ ทางหลวง 4027 (แยกท่าเรือ) และสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ก่อนจะเดินทางไปยังพื้นที่ก่อสร้างโครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง หรือโครงการอุโมงค์กะทู้-ป่าตอง เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจร และการขยายเส้นทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่สอดคล้องกับแนวนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล
29/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929140034503
247,541
นายกฯ ลงพื้นที่ก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต รับฟังความคิดเห็นการแก้ไขปัญหาจราจร-ขยายเส้นทางรองรับนักท่องเที่ยว ย้ำการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน
วันนี้ (29 ก.ย.66) เวลา 14.00 น. ณ พื้นที่ก่อสร้างโครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง ตําบลกะทู้ อําเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบปะตัวแทนหน่วยงานราชการและประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจร และการขยายเส้นทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ํารัฐบาลพร้อมเร่งผลักดันการอํานวยความสะดวกในส่วนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม การสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งการปรับปรุงสนามบิน การเพิ่มเที่ยวบิน และในทุกขั้นตอนการบริการที่เป็นประตูสู่ประเทศไทย ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลพร้อมสนับสนุน และขอให้เร่งรัดการดําเนินการ เพื่อสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาทั้งในเรื่องการใช้งบประมาณ ระยะเวลาในการก่อสร้าง ให้มีความเหมาะสม เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม สิ่งที่สําคัญอย่างยิ่ง การดําเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆ ต้องคํานึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเดือดร้อนของประชาชนด้วยสําหรับการก่อสร้างโครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง ตําบลกะทู้ อําเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มุ่งมั่นให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษในจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ประกอบด้วย ระยะที่ 1 : ช่วงกะทู้-ป่าตอง เป็นทางพิเศษยกระดับและอุโมงค์ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง โดยเป็นทางยกระดับข้ามถนนพิศิษฐ์กรณีย์จนถึงเขานาคเกิด แล้วจึงเป็นอุโมงค์คู่ หลังจากนั้นเป็นทางยกระดับ และสิ้นสุดโครงการที่ ตําบลกะ บริเวณจุดตัดกับ ทล. 4029 รวมระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรระยะที่ 2 : ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ เป็นทางพิเศษขนาด 4 ช่องจราจร ช่องจราจรละ 3.5เมตร เกาะกลาง 16.20 เมตร รองรับการขยายช่องจราจรในอนาคต ไหล่ทางด้านใน 1.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอก 2.5-เมตร และเนื่องจากรูปแบบโครงการเป็นทางพิเศษที่มีการควบคุมการเข้าออก จึงจําเป็นต้องมีการออกแบบทางบริการฝั่งละ 2 ช่องจราจรแบบวิ่งสวนทิศทางจราจรตามความเหมาะสม เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถสัญจรได้ตามเดิม โดยไม่ถูกทางพิเศษปิดกั้น สําหรับช่วงแนวเส้นทางในการต่อขยายเข้าสู่กะทู้ และเชื่อมต่อกับทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง แนวเส้นทางผ่านพื้นที่เขากมลาซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน จึงออกแบบเป็นอุโมงค์คู่ อุโมงค์ละ 2 ช่องจราจร และช่วงแนวเส้นทางที่ผ่านพื้นที่เมืองกะทู้จะออกแบบเป็นทางพิเศษยกระดับขนาด 4 ช่องจราจร มีแนวเส้นทางอยู่บนถนนเดิมรวมระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร
29/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929151422564
247,542
นายกฯ ลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน
วันนี้ (29 ก.ย.66) เวลา 12.50 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ณ จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลต้องการผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังภาพรวมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ณ ห้องประชุม AOT ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยมีประเด็นสําคัญๆ ดังนี้ การพัฒนาท่าอากาศยานแนวชายฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย 1) โครงการพัฒนาก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ระยะที่ 2 วงเงินลงทุน 5,800 ล้านบาท 2) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ วงเงินลงทุน 2,700 ล้านบาท และ 3) โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานพังงา หรือท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา วงเงินลงทุน 80,000 ล้านบาท ในส่วนของโครงการทางพิเศษ และโครงข่ายทางหลวงในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย 1) โครงการทางพิเศษใน จ.ภูเก็ต การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) อยู่ระหว่างดําเนินโครงการทางพิเศษใน จ.ภูเก็ต จําแนกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30.26 กม. 2) โครงการพัฒนาปรับปรุงโครงข่ายทางหลวง จ.ภูเก็ต กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง อยู่ระหว่างดําเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงระบบคมนาคมขนส่งทางถนนในพื้นที่ จ.ภูเก็ต หลายโครงการ มีโครงการที่เร่งรัดการดําเนินการในปีงบประมาณ 2567 ดังนี้ (1) โครงการก่อสร้างขยาย 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 4207 ระยะทาง 4.55 กิโลเมตร (2) โครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่ 4 ช่องจราจร ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 4207 ระยะทาง 1.95 กิโลเมตร และ (3) โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ ที่จุดตัด ทล.402 กับ ทล. 4207 (ทางลอดท่าเรือ) ที่ กม. 34+680 (ทล.402)ภายหลังรับฟังบรรรยายสรุปภาพรวมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เสนอแนวความคิดในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ รัฐบาลพร้อมร่วมมือกันทํางานเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยว และเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็น Model ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยความโดดเด่นของจังหวัด สามารถเชื่อมต่อไปสู่การท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดคลัสเตอร์ (ภูเก็ต กระบี่ พังงา) ซึ่งล้วนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเลือกเดินทางมาที่นี่ นายกรัฐมนตรีกล่าวอวยพรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณที่ตลอดระยะเวลาการทํางาน ผู้ว่าฯ ทํางานมาด้วยความทุ่มเท อุทิศตนทํางานเพื่อประเทศชาติ หลังจากเกษียณราชการแล้ว ขอให้มีความสุขใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปนายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลมีการติดตามงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีโอกาสทํางานร่วมกับข้าราชการกระทรวงคมนาคม ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของการทํางาน มีการขับเคลื่อนงาน รวมถึงมีการบริหารจัดการที่ดี ใช้งบประมาณที่มีอย่างจํากัดสร้างประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าตอบสนองนโยบายของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ถึงแม้จะมีการดําเนินโครงการสําคัญ ๆ ในจังหวัดภูเก็ตแล้ว ตลอดระยะเวลา 4 ปีของรัฐบาล จะต้องดําเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองระดับโลกจะต้องไม่หยุดการพัฒนา สิ่งที่สําคัญขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลนักท่องเที่ยว อยากให้ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้ายที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจังหวัดภูเก็ตมีความสุข มีความปลอดภัย อย่าให้เกิดปัญหา นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกําชับให้ตํารวจดูแลเรื่องความปลอดภัย สร้างความประทับใจ และในส่วนของ AOT ขอให้บริหารจัดการเรื่อง private jet ให้ดี อย่าให้กระทบต่อตารางการบินของนักท่องเที่ยว
29/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929151921567
247,543
อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ จัดกิจกรรมอุตสาหกรรมแฟร์
สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) จัดกิจกรรมอุตสาหกรรมแฟร์ "อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน" กระตุ้นภาคอุตสาหกรรมระดับภูมิภาควันนี้ (29 ก.ย.66) นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงานดีพร้อม – เดลต้าแองเจิลฟันด์ปี 8 พร้อมมาตรการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค ผ่านกิจกรรมอุตสาหกรรมแฟร์ ภายใต้สโลแกน อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน ผ่าน 4 มิติ ณ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) โดยมี นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) และดีพร้อม ดําเนินธุรกิจเชิง CSR โดยการคืนกลับสู่สังคม เพื่อพัฒนาต่อยอดให้กับสตาร์ทอัพไทย ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีแนวคิด หรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์ได้ เกิดความสมดุลและยั่งยืนควบคู่กับอุตสาหกรรมวิถีใหม่ใน 4 มิติ ได้แก่ มิติที่ 1 ความสําเร็จทางธุรกิจ การปรับธุรกิจและอุตสาหกรรมสู่ S -curve มิติที่ 2 การดูแลสังคมและชุมชน มิติที่ 3 การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และมิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชน พัฒนาชุมชนรอบโรงงานอุตสาหกรรม ภายในงานได้มอบประกาศนียบัตรและเงินทุนให้กับทีมที่ได้รับการสนับสนุน และมีการออกร้านจําหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน (OPOAI-C) ผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรม
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สมุทรปราการ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929150639558
247,544
นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบปะตัวแทนหน่วยงานราชการและประชาชน เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจราจรและการขยายเส้นทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ณ พื้นที่ก่อสร้างโครงการทางพิเศษ สายกะทู้ – ป่าตอง ตําบลกะทู้ อําเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ํา รัฐบาลเร่งผลักดันการอํานวยความสะดวกในส่วนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม การสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งการปรับปรุงสนามบิน การเพิ่มเที่ยวบินและในทุกขั้นตอนการบริการ ที่เป็นประตูสู่ประเทศไทย พร้อมขอให้เร่งรัดการดําเนินการ เพื่อสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาทั้งเรื่องการใช้งบประมาณ ระยะเวลาในการก่อสร้าง ให้มีความเหมาะสม เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม สิ่งที่สําคัญ การดําเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆ ต้องคํานึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเดือดร้อนของประชาชนด้วยสําหรับการก่อสร้างโครงการทางพิเศษ สายกะทู้ - ป่าตอง ตําบลกะทู้ อําเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มุ่งมั่นให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนาอย่างรอบด้านทั้งด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษในจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง เป็นทางพิเศษยกระดับและอุโมงค์ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ เป็นทางพิเศษขนาด 4 ช่องจราจร สําหรับช่วงแนวเส้นทางในการต่อขยายเข้าสู่กะทู้ และเชื่อมต่อกับทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง แนวเส้นทางผ่านพื้นที่เขากมลา ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน จึงออกแบบเป็นอุโมงค์คู่ อุโมงค์ละ 2 ช่องจราจร และช่วงแนวเส้นทางที่ผ่านพื้นที่เมืองกะทู้จะออกแบบเป็นทางพิเศษยกระดับขนาด 4 ช่องจราจร มีแนวเส้นทางอยู่บนถนนเดิมรวมระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929193447627
247,545
พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ติดตามการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 ส่งเสริมการจำหน่ายกุ้งราคาประหยัดให้กับประชาชนผู้สนใจ ในงานประชุมสัมมนา ของชมรม ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน นี้
นางสาวจินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี และหัวหน้ากลุ่มกํากับและพัฒนาเศษฐกิจการค้า เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดตามผลการดําเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 จังหวัดเพชรบุรี รวมทั้งการจัดกิจกรรมประชุมสัมมนาของชมรมในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 โดยพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรีได้มีเรื่องสําคัญแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ดังนี้ 1. การขยายและเวลาโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2566 - ระยะเวลาดําเนินการ จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.66 ขยายเป็นสิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. 66 - ระยะเวลาเบิกจ่ายเงิน จากเดิม สิ้นสุด 30 พ.ย. 2566 เป็นสิ้นสุด 29 ก.พ.67 - ระยะโครงการ จากเดิมสิ้นสุด 31 ม.ค. 67 เป็นสิ้นสุด 30 เม.ย. 67 โดยที่สํานักงานจะดําเนินการจัดประชุม คพจ. เพื่อดําเนินการตามเป้าหมาย 175 ตัน ที่ได้รับจัดสรรจากกรมการค้าภายใน ภายใต้กรอบเวลาดังกล่าวต่อไป 2. ขอให้ชมรม ฯ มีหนังสือชี้แจงเหตุผล ของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง รายที่ไม่สามารถจับกุ้ง ตามที่ได้รับการจัดสรรจากโครงการฯ 3. สํานักงานฯ พร้อมให้ความร่วมมือชมรมฯ ในการจัดกิจกรรมส่งเสริม การจําหน่ายกุ้งราคาประหยัดให้กับ ประชาชนผู้สนใจ ในงานประชุมสัมมนาของชมรม ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน นี้
29/9/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929153529573
247,546
พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับเทศบาลตำบลท่าแลง และ อบต.วังไคร้ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ลงพื้นที่ ณ ตำบลท่าแลง และตำบลวังไคร้ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการร้านค้าให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ
นางสาวจินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับเทศบาลตําบลท่าแลง และองค์การบริหารส่วนตําบลวังไคร้ อําเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ลงพื้นที่ ณ ตําบลท่าแลง และตําบลวังไคร้ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการร้านค้าให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ รวมถึงป้องปรามมิให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผลอันควร ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 65 พ.ศ.2566 เรื่องการแสดงราคาสินค้าและบริการ และพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 หากฝ่าฝืน จะมีความผิดตามมาตรา 28 และโทษตามมาตรา 40 โดยหากมีผู้ร้องเรียน สํานักงานฯ จะดําเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่แนะนําผู้ประกอบการร้านค้าดําเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ ณ เทศบาลตําบล และองค์การบริหารส่วนตําบล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับร้านค้า ลูกค้ามีความมั่นใจได้ว่า ร้านนั้นมีข้อมูลอยู่ในทะเบียนของภาครัฐ
29/9/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929161554589
247,547
นายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่รับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติ อันดามัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ติดตามข้อมูลโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ณ จุดชมวิว 360 องศา ตําบลโคกกลอย อําเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา โดยมีเจ้าของพื้นที่ ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่ และประชาชนร่วมต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของจังหวัดพังงา ในส่วนของโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติอันดามัน ที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง รวมทั้งจํานวนเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขนาดนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการทําข้อตกลง เรื่องของการเวนคืนที่ดิน โดยมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงาน ซึ่งต้องดูว่ามีขั้นตอนการเวนคืนอย่างไร จํานวนเท่าไหร่ ในระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ที่รัฐบาลลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว และพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไป
29/9/2023
ภาคใต้
พังงา
สวท.ตะกั่วป่า จ.พังงา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929170540600
247,548
นายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่รับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติ อันดามัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาติดตามข้อมูลโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ณ จุดชมวิว 360 องศา ตําบลโคกกลอย อําเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา โดยมีเจ้าของพื้นที่ ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่ และประชาชนร่วมต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของจังหวัดพังงา ในส่วนของโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติอันดามัน ที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง รวมทั้งจํานวนเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขนาดนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการทําข้อตกลง เรื่องของการเวนคืนที่ดิน โดยมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงาน ซึ่งต้องดูว่ามีขั้นตอนการเวนคืนอย่างไร จํานวนเท่าไหร่ ในระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ที่รัฐบาลลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว และพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไป
29/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929170801601
247,549
ยืนยันไม่จัดเก็บภาษีขายหุ้น เชื่อมั่นนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยเก็บรายได้กว่า 100,000 ล้านบาท
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจของบริษัทจดทะเบียน ตลาดทุนและนักลงทุน ว่ากระทรวงฯ ยังไม่มีนโยบายพิจารณาเก็บภาษีเกี่ยวกับธุรกรรมในการขายหุ้นและยังไม่มีนโยบายพิจารณาภาษีกําไรที่เกิดการการขายหุ้น โดยสิ่งที่กระทรวงฯอยากเห็นคือ อยากให้ตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องที่สูง มีเสถียรภาพและต้องการเห็นตลาดหลักทรัพย์มีการซื้อขายทั้งปริมาณและคุณภาพ น่าดึงดูดต่อนักลงทุนที่จะมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยและดึงดูดต่อนักลงทุนที่จะมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย โดยเฉพาะมีต้นทุนในการระดมทุนที่ต่ํา อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ สะท้อนถึงขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น ส่วนจะทําให้รายได้ภาครัฐลดลง หรือจะมีการขาดดุลงบประมาณมาชดเชยสิ่งเหล่านี้หรือไม่นั้น แผนการคลังระยะปานกลาง ยังไม่มีการพิจารณา รวมถึงผลกระทบที่มีนัยสําคัญของนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ทและหากมีการดําเนินนโยบายจะมีเม็ดเงิน 560,000 ล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และด้วยกลไกที่ออกแบบจะส่งผลให้เงินทุกอย่างจะเป็นรายได้ของรัฐบาลกลับมาในรูปแบบภาษี ทั้งภาษีนิติบุคคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประเมินไว้ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 100,000 ล้านบาท และจะตอบคําถามรายได้ภาษีที่จะหายไปจากการไม่มีภาษีหุ้น
29/9/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929191639616
247,550
สยามนิรมิต ภูเก็ต คว้ารางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Golds Awards สาขาแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการและความบันเทิง
นางสาวพัณณิน กิติพราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สยามนิรมิต ภูเก็ต รับพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ประจําปี 2566 ประเภทรางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Golds Awards สาขาแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการและความบันเทิง จากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่จัดขึ้นวันพุธที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)นางสาวพัณณิน กิติพราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สยามนิรมิต ภูเก็ต เปิดเผยว่า รู้สึกยินดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดในครั้งนี้ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การได้รับรางวัล ดังกล่าวฯ นี้ เป็นการการันตีได้อย่างดีว่า สยามนิรมิต ภูเก็ต เป็นแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการในระดับมาตรฐานสากล ซึ่งได้รับการยอมรับจากผู้ชมทั่วโลกว่า “เป็นการแสดงที่ดีที่สุด การแสดงหนึ่งของโลก”ในนามของสยามนิรมิต ภูเก็ต ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ให้การสนับสนุน มองเห็นคุณค่าศิลปะ การแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ไทย ที่เราตั้งใจถ่ายทอดผ่านการแสดงอันวิจิตร สวยงาม สื่อถึงความเป็นไทย สู่สายตา นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสําหรับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยนี้ เป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพและบริการที่ดี ยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีทั้งความสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าของสินค้าทางการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับสากลสยามนิรมิต ภูเก็ต ตั้งอยู่ใน ตําบลรัษฎา อําเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เปิดให้บริการทุกวัน (เว้นวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 17.30 – 22.30 น. รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.siamniramitphuket.com หรือทาง facebook : Siamniramit Phuket
29/9/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929184301609
247,551
สำนักงานขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ ส่งเสริมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยรถโรงเรียนให้เป็นต้นแบบ
วันนี้ (29 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุมเพชร สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 อําเภอเมืองศรีสะเกษ นายสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ประธานเปิดการอบรมตามโครงการส่งเสริมความปลอดภัยรถโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดศรีสะเกษ รุ่นที่ 3 ประจําปี งบประมาณ 2566 โดยกรมการขนส่งทางบก ได้มีมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยของรถโรงเรียนและรถรับ - ส่งนักเรียนอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาพบว่า รถรับ – ส่งนักเรียน ยังคงเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง รวมทั้งกรณีที่เด็กนักเรียนถูกลืมไว้ในรถและบางรายถึงกับชีวิต นับเป็นปัญหาที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจและสะเทือนใจคนในสังคมเป็นอย่างมาก นางรัชดาพร ไชยอิน ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าว สํานักงานขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ จึงได้ส่งเสริมความปลอดภัยรถโรงเรียนต้นแบบขึ้น เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่นักเรียนที่โดยสารรถโรงเรียนและรถรับ-ส่งนักเรียน ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้เป็นต้นแบบขึ้น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีก โดยมีวิทยากรจากสํานักงานขนส่งจังหวัด สถานีตํารวจภูธรเมืองศรีสะเกษ และ สํานักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยศรีสะเกษ (คปภ .) มาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับรถโรงเรียนและรถรับ-ส่งนักเรียน การจัดทําประกันภัย รวมถึงการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย โดยมีผู้ประกอบการ หรือ เจ้าของรถ ตลอดจนผู้ขับโรงเรียนและรถรับ - ส่งนักเรียน เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 80 คน
29/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ศรีสะเกษ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929193712628
247,552
นายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่รับฟังข้อสรุปโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติ อันดามัน ที่จังหวัดพังงา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ลงพื้นที่ ณ จุดชมวิว 360 องศา ตําบลโคกกลอย อําเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เพื่อติดตามข้อมูลโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน โดยมี นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของจังหวัดพังงา ในส่วนของโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติอันดามัน จะสามารถรองรับประชาชนในพื้นที่ทั้งจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ส่งเสริมการท่องเที่ยว บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของฝั่งอันดามันและนํารายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างมหาศาล ซึ่งขนาดนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการทําข้อตกลงเรื่องของการเวนคืนที่ดิน โดยมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องดูว่ามีขั้นตอนการเวนคืนอย่างไร จํานวนเท่าไหร่ ในระยะเวลา 18 เดือน เพื่อบริหารระยะเวลาและการออกแบบได้ เพื่อที่จะได้บริหารงบประมาณควบคู่กัน โดยมีการวางแผนบริการให้ไรเดอร์รับนักท่องเที่ยวถึงหน้าประตูโดยนักท่องเที่ยวไม่จําเป็นต้องเดินหารถประจําทาง เพิ่มความรวดเร็ว และเกิดความประทับใจตั้งแต่ลงเครื่องและเดินทางกลับ ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ที่รัฐบาลได้ลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว และพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตต่อไปนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อํานวยการใหญ่ ท่าอากาศยานไทย (AOT) ได้สรุปโครงการก่อสร้างสนามบินฯ ว่า สาเหตุที่เลือกพื้นที่แห่งนี้เนื่องจากไม่มีภูเขา ใช้เนื้อที่ประมาณ 7,000 ไร่ เส้นทางการบินจากตะวันออกสู่ตะวันตก เป็นแนวเส้นทางเดียวกับสนามบินภูเก็ต ทําให้ไม่ตัดกันระหว่างสนามบินอันดามันและสนามบินภูเก็ต ทําการก่อสร้างระบบทางวิ่ง-ทางขับ ก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างลานจอดอากาศยาน ก่อสร้างอาคารและลานจอดรถ มี 2 Runways ระยะทาง 3600 เมตร รองรับเที่ยวบินจํานวน 60 เที่ยวบินต่อชั่วโมง สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ 22 ล้านคนต่อปี และสามารถขยายรับนักท่องเที่ยว 50 ล้านคนต่อปีในอนาคต อีกทั้งยังใช้เป็นสนามบินในเชิงพาณิชย์ด้วย ทาง (AOT) ใช้เวลาในการเวนคืนที่ดินระยะเวลาประมาณ 18 เดือน จากนั้นมอบให้เป็นที่ดินราชพัสดุ และ ทาง AOT เช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ เพื่อดําเนินการก่อสร้างสนามบินอันดามัน คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2573
29/9/2023
ภาคใต้
พังงา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230929193144625
247,553
นครพนม ผลักดันการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพด้วยนวัตกรรมอย่างครบวงจร ภายใต้ BCG โมเดล "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้"
วันที่ 29 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครพนม อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม จัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพร และที่เกี่ยวข้อง ตามกิจกรรมหลักที่ 1 โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยนวัตกรรมอย่างครบวงจร ภายใต้ BcG โมเดล เพื่อยกระดับรายได้ของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มอบแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพด้วยนวัตกรรมอย่างครบวงจร ภายใต้ BCG โมเดล เพื่อยกระดับศักยภาพการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการชุมชน ตามโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ตามแนวคิด "สร้างมูลค่าเพิ่ม ทําน้อยได้มาก เสริมความมั่นคงด้านรายได้" โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มมูลค่าทรัพยากรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งสิ้น 50 กลุ่ม/ผู้ประกอบการ รวม 100 คน เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ โดยกําหนดดําเนินการค้นหาศักยภาพกลุ่มภายใต้หลักการ SMART Local Superlative สุดยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนในแต่ละพื้นที่ Modern ทันสมัย ตลาดยุคใหม่ Attractive เสน่ห์อัตลักษณ์ไทย ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น Remarkable โดดเด่น มีเอกลักษณ์ สร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่า มีรสนิยม Trust มั่นใจในคุณภาพ มาตรฐานและได้รับความร่วมมือจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารเด่น มหาวิทยาลัยนครพนม ใช้งานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่จะพัฒนาขึ้นภายใต้เงื่อนไข BCG โมเดล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 10 ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มอบแนวทางให้กลุ่มเป้าหมายใช้ศักยภาพของตนเอง ค้นหาและแปรรูปผลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และสร้างโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ได้ในโอกาสต่อไปโดยนายชัยณรงค์ กาญจะนะกันโห พัฒนาการจังหวัดนครพนม ได้บรรยายการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ในบทบาทกรมการพัฒนาชุมชน และให้สอดคล้องกับนโยบายทุกระดับ โดยมีนางสาวพันสี คุณธรรม ผอ.กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน นางวรนุช กรุงเกต ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน นางสาววิมล มุ่งกลาง ผอ.กลุ่มงานประสานและสนับสนุนการบริหารงานพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยนักวิชาการพัฒนาชุมชน ร่วมสนับสนุนการดําเนินงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งโครงการฯ กําหนดดําเนินการ 2 วัน ระหว่างวันที่ 29 - 30 กันยายน 2566
29/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930064152661
247,554
เสียงตอบรับดีเกินคาด กับงาน บุฟเฟ่ต์ทุเรียน ครั้งแรกของเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก
วานนี้ (29 ก.ย.66) นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เป็นประธานเปิดงานบุฟเฟ่ต์ทุเรียน ณ ถนนคนเดิน อาคารฟู๊ดเซ็นเตอร์ สุไหงโก-ลก กิจกรรมงานบุฟเฟ่ต์ทุเรียนนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 กันยายน 2566 จําหน่ายคูปองในราคาสุดพิเศษ เพียงหัวละ 199 บาท เท่านั้น สามารถรับประทานได้ไม่อั้น ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งได้รับกระเเสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก คูปองขายหมดทั้ง 300 ใบในเวลาอันรวดเร็วสําหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดโดยมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ หอการค้าจังหวัดนราธิวาส และเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ สร้างการรับรู้ให้คนไทยและชาวมาเลเซียได้ลิ้มรสทุเรียนบางนราของจังหวัดนราธิวาสที่มีรสชาติโดดเด่น ที่เนื้อนุ่มฟู หวานกลมกล่อม อร่อยไม่แพ้ทุเรียนจากแหล่งอื่น รวมถึงช่วยสร้างรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในจังหวัดนราธิวาสนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก กล่าวว่า กิจกรรมในรูปแบบนี้จัดขึ้นเป็นครั้งเเรก ปลื้มใจที่กระแสตอบรับดี ต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกิจกรรม ทั้งนี้กิจกรรมกําหนดจัดขึ้น 2 วัน วันละ 3 รอบ รอบละ 1 ชม. โดยวันแรกเตรียมทุเรียนไว้กว่า 1,000 กิโลกรัม ซึ่งแบ่งเป็น ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์ชะนี และจากเสียงตอบรับที่ดีในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คิดว่าจะวางแผนจัดกิจกรรมดังกล่าวฯ ต่อเนื่องต่อไป โดยในปีหน้าอาจจะกําหนดจัดกิจกรรมในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาลของทุเรียน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์รสชาติทุเรียนของจังหวัดนราธิวาสให้เป็นที่รู้จักต่อไปรศ.ดร วสันต์ พลาศัย รองอธิบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยต้องขอขอบคุณท่านนายกเทศมนตรี หอการค้าจังหวัดนราฯ และประชาชนชาวสุไหงโก-ลก สําหรับโอกาสที่ได้มอบให้ทางมหาวิทยามาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มหาวิทยาลัยนอกจากมีภารกิจในด้านการจัดการเรียนการสอน การผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกสู่สังคมเเล้ว ยังมีบทบาทในส่วนของการวิจัย การขยายโครงการจากความโดดเด่นของเเต่ละพื้นที่ ในส่วนของอําเภอสุไหงโก-ลกนั้น นับว่ามีความโดดเด่นเรื่องการค้าชายเเดน และเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ กระเเสสังคม และการมุ่งหวังช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ เราจึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น ซึ่งจากกระแสการตอบรับในสื่อต่างๆ และจากยอดการจัดจําหน่ายคูปอง จึงนับได้ว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้นั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีนายกิตติ หวังธรรมมั่ง ประธานหอการค้าจังหวัดนราฯ กล่าวว่า ทางหอการค้าต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มอบโอกาสให้แก่หอการค้า ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทํางานส่งเสริมการค้าชายเเดนในครั้งนี้ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีผศ.ดร.สุมาลี กรดกางกั้น รองคณบดีฝ่ายนโยบายและแผน มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่สืบเนื่องจากโครงการวิจัยในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถในด้านการเเข่งขันของผู้ประกอบการการค้าชายแดน ในอําเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน และตนเองในฐานะผู้จัดมีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่การจัดกิจกรรมในวันนี้ได้รับกระเเสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเราได้เตรียม ทุเรียนหมอนทอง ทุเรียนชะนีในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มาบริการให้แก่ผู้สนใจที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับประทานอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังมีการบริการ ข้าวเหนียวทุเรียน และผลไม้อื่นๆเช่น เงาะ เเละ ลองกอง อีกด้วยด้านนางดารุณี ณ สงขลา ประชาชนผู้ร่วมกิจกรรม กล่าวว่า ตนเองเเละครอบครัวเป็นชาวจังหวัดยะลา รู้สึกตื่นเต้นมากหลังทราบข่าวการจัดกิจกรรมในพื้นที่อําเภอสุไหงโก-ลก จังหวัด นราธิวาส ครอบครัวของตนได้ซื้อคูปองทั้งหมด 8 ใบ แต่เดินทางมาเพียง 5 ท่าน เนื่องจากบางท่านติดภารกิจส่วนตัว รสชาติทุเรียนที่นํามาให้บริการในวันนี้ก็ถือว่ามีรสชาติดี รู้สึกว่าในราคา 199 บาทเป็นราคาที่ถือว่าคุ้มค่ามากสําหรับคนรักทุเรียน
30/9/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สวท.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930084558674
247,555
นักวิ่งผู้รักสุขภาพจากทั่วประเทศ เข้าร่วมแข่งขันวิ่ง ลำพูน run fun fun day & night : วิ่งบูชาสลากย้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดลำพูน
วันที่ 30 กันยายน 2566 เวลา 05.30 น. ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เชิงสะพานท่าขาม อําเภอเมือง จังหวัดลําพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน มอบหมายให้ นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน เป็นประธานเปิดกิจกรรม "ลําพูน run fun fun day & night : วิ่งบูชาสลากย้อม " ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลําพูนจัดขึ้น เป็นกิจรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ภายใต้โครงการพัฒนากิจกรรมการเที่ยวและกีฬาชิงสร้างสรรค์ Lamphun Sport Tourism WelIness Thailand ประจําปีงบประมาณ 2566 มีจุดสตาร์ทและจุดเส้นชัย บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชิงสะพานท่าขาม โดยมี นายจักรกฤษณ์ เอ่งฉ้วน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลําพูน หัวหน้าส่วนราชการ มีนักวิ่งจากทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อบูชาในประเพณีสลากย้อมหนึ่งเดียวในโลกของจังหวัดลําพูน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลําพูน กล่าวว่า การจัดการแข่งขัน ลําพูน Run Fun Fun Day & Night วิ่งบูชาประเพณีสลากย้อม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา สุขภาพและวัฒนธรรมของจังหวัดลําพูน ให้มีความสามารถด้านการแข่งขัน ยกระดับการให้บริการ รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวให้ยุคโควิด-19 เพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและการบริการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดลําพูน เพื่อเชื่อมโยงส่งเสริมและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดลําพูนและเพื่อพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวของจังหวัดลําพูนให้มีความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย สําหรับการจัดงานลําพูน Run Fun Fun Day & Night วิ่งบูชาประเพณีสลากย้อม แบ่งการแข่งขันเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะทาง 5 กิโลเมตร ระยะทาง 10 กิโลเมตร และระยะทาง 21 กิโลเมตร รุ่นอายุไม่เกิน 29 ปี รุ่นอายุ 30-50 ปี และรุ่นอายุ 51 ปีขึ้นไป มีรางวัลวิ่งแฟนซีไม่จํากัดเพศและรุ่นอายุ โดยผู้ชนะการแข่งขันลําดับที่ 1 - 3 ทุกประเภท จะได้รับถ้วยรางวัล และนักวิ่งทุกคนที่ร่วมกิจกรรมจะได้รับเหรียญกิจกรรมเป็นที่ระลึก ด้าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน กล่าวว่า จังหวัดลําพูนเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เป็นเมืองเก่าที่มีความสวยงามและสงบ มีศาสนสถานที่ล้ําค่า คือวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร มีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้านชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะทําให้นักท่องเที่ยวและนักกีฬาได้เข้ามาเรียนรู้ สัมผัสเอกลักษณ์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบลําพูน ท่องเที่ยวโดยชุมชน ประเพณี วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ การละเล่น สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวและนักกีฬาที่เข้าร่วมกันการแข่งขันให้ได้เกิดความประทับใจในจังหวัดลําพูน
30/9/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930092217678
247,556
จังหวัดตรัง เปิดฤดูกาลท่องเที่ยว 1 ตุลาคม 2566 พร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน มั่นใจจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดตรังได้เป็นอย่างดี
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากการหารือนางอู๋ ตงเหมย กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําจังหวัดสงขลา ประเด็นแนวทางการค้า การลงทุน โครงการสนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐและภาคเอกชนของจังหวัดตรังไปฝึกอบรมที่ประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาในอนาคตอันใกล้ ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยขอให้จังหวัดตรังได้ช่วยดูแลนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากจังหวัดตรัง เป็นจุดหมายปลายทางสําคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทั้งนี้ จังหวัดตรัง เตรียมความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว มาตรการดูแลความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งได้มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุมาอย่างต่อเนื่อง มีระบบการแพทย์ทางไกล ระบบส่งต่อผู้ป่วย รวมถึงมัคคุเทศก์ภาษาจีน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังรัฐบาลยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวสําหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเป็นการชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ เป็นเวลา 5 เดือนตามนโยบายรัฐบาล มั่นใจจะช่วยสนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดตรังและประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
30/9/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930100536684
247,557
สินค้าจำหน่ายในงาน OTOP Midyear 2023 “ที่สุดแห่งภูมิปัญญา รังสรรค์จากการพัฒนา เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย” ที่เมืองทองธานี ของจังหวัดสุรินทร์ รวม 6 วัน ยอดจำหน่ายกว่า 15 ล้านบาท
นางจิรภา เชื้อดวงผุย พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ได้นํากลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ร่วมจัดแสดงและจําหน่ายสินค้าในงาน OTOP Midyear 2023 ระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี รวม 43 บูธ ตามนโยบายของนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ โดยร่วมจัดแสดงและจําหน่ายสินค้า ยอดจําหน่ายประจําวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566 ยอดจําหน่าย 2,042,580 บาท ยอดสั่งจอง 208,070 บาท รวมทั้งสิ้น 2,250,650 บาท จากโซนต่าง ๆ ประกอบด้วย 1) โซนผลิตภัณฑ์ OTOP 3 - 5 ดาว แบ่งตามประเภท ได้แก่ ประเภทอาหาร จํานวน 3 บูธ ยอดจําหน่าย 19,500 บาท ยอดสั่งจอง 7,000 บาท รวมทั้งสิ้น 26,500 บาท ประเภทเครื่องดื่ม จํานวน 2 บูธ ยอดจําหน่าย 23,650 บาท ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย จํานวน 23 บูธ ยอดจําหน่าย 1,429,000 บาท ยอดสั่งจอง 72,500 บาท รวมทั้งสิ้น 1,501,500 บาท ประเภทของใช้ ของตกแต่ง และของที่ระลึก จํานวน 5 บูธ ยอดจําหน่าย 117,800 บาท ยอดสั่งจอง 7,000 บาท รวมทั้งสิ้น 124,800 บาท และประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 8,130 บาท ยอดสั่งจอง 31,570 บาท รวมทั้งสิ้น 39,700 บาท2) โซน YOUNG OTOP จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 20,000 บาท 3) โซน OTOP ON BOARD จํานวน 2 บูธ ยอดจําหน่าย 182,000 บาท ยอดสั่งจอง 65,000 บาท รวมทั้งสิ้น 247,000 บาท4) โซน OTOP PREMIUM จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 22,000 บาท5) โซนศิลปิน OTOP จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 48,500 บาท 6) โซน OTOP Online จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 37,000 บาท ยอดสั่งจอง 25,000 บาท รวมทั้งสิ้น 62,000 บาท7) โซน ตลาดกลางเส้นไหม จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 117,500 บาท 8) โซน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 10,000 บาท 9) โซน OTOP ชวนชิม จํานวน 1 บูธ ยอดจําหน่าย 7,500 บาท สําหรับ บูธจําหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ขายดีประจําวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 อันดับ 1 บมจ.ไหมทองสะเร็น อําเภอเมืองสุรินทร์ (ผลิตภัณฑ์เส้นไหม) ยอดจําหน่าย 117,500 บาท อันดับ 2 สุวรรณ อาญาเมือง อําเภอเขวาสินรินทร์ (ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับทองเหลือง) ยอดจําหน่าย 97,000 บาท อันดับ 3 นางสังเวียน ครุฑสุวรรณ อําเภอรัตนบุรี (ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม) ยอดจําหน่าย 85,000 บาทส่วนบูธจําหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ขายดีผ่านแพลตฟอร์มตลาดของดีเมืองสุรินทร์ (surinbest.com) ประจําวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566 อันดับ 1 ร้านยิ่งดีแกะสลักเครื่องประดับหมู่บ้านช้าง อําเภอท่าตูม (ผลิตภัณฑ์กระดูกสัตว์และงา) ยอดจําหน่าย 65,000 บาทอันดับ 2 ฉันท์ทอง ไหมสุรินทร์ อําเภอเมืองสุรินทร์ (ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม) ยอดจําหน่าย 30,000 บาท อันดับ 3 ขวัญชนก เสนาะเสียง อําเภอเขวาสินรินทร์ (ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม) ยอดจําหน่าย 21,000 บาท ยอดสะสมระหว่างวันที่ 23 - 28 กันยายน 2566 รวม 6 วัน ยอดจําหน่ายสะสม 13,460,240 บาท ยอดสั่งจองสะสม 1,858,060 บาท รวมทั้งสิ้น 15,318,300 บาท
30/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930103314696
247,558
อำนาจเจริญ จัดงานแสดงสินค้า OTOP เพื่อการท่องเที่ยวและพัฒนาชุมชนระหว่างวันที่ 25 กันยายน - 2 ตุลาคม 2566 ณ บริเวณถนนหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ
ที่บริเวณถนนหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดอํานาจเจริญ อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ นายฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญเป็นประธานในพิธีเปิดการจัดงานแสดงสินค้า OTOP เพื่อการท่องเที่ยวและพัฒนาชุมชน ภายใต้โครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน ระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2566 - 2 ตุลาคม 2566 ณ บริเวณถนนหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดอํานาจเจริญ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมนายณฐกร วรรณวัลย์ ประธนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด กล่าวถึงการจัดงานแสดงสินค้า OTOP เพื่อการท่องเที่ยวและพัฒนาชุมชน ภายใต้โครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน ในวันนี้ ว่า จังหวัดอํานาจเจริญ กําหนดจัดงานแสดงสินค้า OTOP เพื่อการท่องเที่ยวและพัฒนาชุมชน ในระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2566 - 2 ตุลาคม 2566 ณ บริเวณถนนหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดอํานาจเจริญ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ผู้ผลิต ผู้ประกอบการของดี 4 ภาค และผู้ประกอบการในจ้งหวัดอํานาจเจริญ มีรายได้ที่เกิดจากการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน และเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้า "หนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" และผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยมีกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการจัดแสดงและจําหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จังหวัดอํานาจเจริญ จํานวน 15 บูท และ การจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิต ผู้ประกอบการของดี 4 ภาค และ ผู้ประกอบการในจังหวัดอํานาจเจริญ โดยคาดว่าการจัดงานในครั้งนี้ ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP, ผู้ผลิต ผู้ประกอบการของดี 4 ภาค และ ผู้ประกอบการในจังหวัดอํานาจเจริญ มีรายได้เพิ่มขึ้นและมีช่องทางการตลาดสินค้า "หนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" และผลิตภัณฑ์ชุมชน
30/9/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230930202631752
247,559